นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ คาดว่าจะแกว่ง Sideway พักฐาน หลังจากที่ดีดตัวขึ้นแรง 2 วันก่อนหน้านี้ จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี และความคาดหวังต่อการที่สหรัฐและจีนจะมีการเจรจาการค้าระหว่างกัน แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงเกือบ 3% จากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ โดยราคาน้ำมันที่ร่วงลงอาจทำให้กลุ่มพลังงานถูกเทขายล็อกกำไรออกมากดดันต่อภาพรวมการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐ จะปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ ก็อาจจะทำให้มูลค่าซื้อขายที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจจะไม่มากนัก เพราะนักลงทุนอาจจะชะลอดูทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงรอประเมินสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยเฉพาะการกำหนดวันเจรจาการค้าระหว่างกัน และจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอย่างไร แม้ว่าทั้งสองประเทศได้เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าตามแผนการเดิมแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่การขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลงเหลือระดับ 22 ล้านบาทเมื่อวันศุกร์ รวมถึงการเปิดสถานะ long ใน SET50 Index Futures ค่อนข้างมาก มองว่าน่าจะเป็นการปิดสถานะก่อนหน้านี้เท่านั้น แม้จะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นกระแสเงินไหลเข้าหรือไม่ โดยนักลงทุนยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนก.ย.นี้ด้วย ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่อย่างไร
พร้อมให้แนวรับที่ 1,645-1,650 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,660 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,403.28 จุด เพิ่มขึ้น 41.03 จุด (+0.16%) และ ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,926.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด (+0.06%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,962.88 จุด ลดลง 10.51 จุด (-0.13%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 78.62 จุด,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 96.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 14.27 จุด ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุดชดเชยปีใหม่อิสลาม
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ส.ค.62) 1,654.92 จุด เพิ่มขึ้น 15.78 จุด (+0.96%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 22.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ส.ค.62) ปิดที่ 55.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ส.ค.) อยู่ที่ 5.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.65 อ่อนค่าจากเย็นวันศุกร์ หลังดอลล์แข็ง นลท.รอดูคืบหน้าสงครามการค้า มองกรอบวันนี้ 30.60-30.70
- "แบงก์ชาติ" เปิดรายงานพิเศษชำแหละหนี้ครัวเรือน "3 ภูมิภาค" พบสัญญาณความเสี่ยงพุ่ง จากการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งโปร 0% ผ่อนนานขึ้น ขณะมาตรฐานสินเชื่อด้อยลง พบ "เบี้ยวหนี้" ตั้งแต่งวดแรกพุ่ง ส่วนลูกค้าบัตรเครดิตเริ่มจ่ายหนี้แบบเต็มวงเงินน้อยลง ด้าน ธปท. แจงเหตุเลื่อนใช้เกณฑ์ "ดีเอสอาร์" หวั่นซ้ำเติมลูกหนี้ ช่วงเศรษฐกิจชะลอ
- "คลัง" เผยภายในเดือนก.ย. จ่อชง ครม. ขยายเวลามาตรการลดภาษีแวต 7% ต่อ แทงกั๊กขยายเพิ่มให้อีก 1 ปี หรือ 2 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้าน"ออมสิน" ทุ่มแสนล้านบาทอัดมาตรการประคองเศรษฐกิจ ลุยปล่อยสินเชื่อบ้านดอกคงที่ 3 ปี อัตรา 2.9% พร้อมสินเชื่อเอสเอ็มอี เดินหน้าพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 1 ปี
- รมว.อุตสาหกรรม นำคณะบีโอไอ พบปะภาคเอกชน สถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในเวียดนามเพื่อเป็นแนวทางให้ไทยกำหนดสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการนักลงทุน โดยไทยจะให้มากกว่าแบบมาตรการต่อมาตรการ พร้อมสั่งสศอ.เร่งศึกษาแนวทางเสร็จใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำเสนอ "สมคิด" เห็นชอบ
- รมว.คมนาคม สั่งทุกหน่วยในสังกัดทำแผนลดค่าครองชีพ รฟม.ผุดตั๋วร่วมมีส่วนลด 40% แอร์พอร์ตลิงค์ลดเหลือ 25 บาทตลอดสาย ทางหลวงจ่อลดค่าผ่านทาง 5-10 บาท หากจ่ายผ่านเอ็มพาสหรืออีซีพาส ขสมก.พร้อมหั่นราคาตั๋วสัปดาห์-เดือน ทางด่วนลด 5 บาทในบางด่าน
- "พลังงาน" เดินหน้าเปิดเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เพิ่มแหล่งปิโตรเลียม หนุนความมั่นคง พลังงาน เล็งพัฒนาร่วม 1.6 หมื่นตร.กม. ใช้สูตรเจดีเอ "ปตท.สผ."ถือสิทธิเดิม 2 แปลง "คุรุจิต" มั่นใจมีศักยภาพผลิตปิโตรเลียม ชี้ผู้รับสัมปทานเดิมควรได้สิทธิพัฒนาต่อ แนะผู้นำ 2 ชาติส่งสัญญาณเปิดเจรจา
*หุ้นเด่นวันนี้
- TSE-T1 (ใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) ของบมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) ) เข้าซื้อขายวันแรก (2 ก.ย.62) โดยจะซื้อขายถึงวันที่ 19 ก.ย.62 มีจำนวนหน่วยใบแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 381,147,321 หน่วย อายุ 55 วัน (23 ส.ค.-16 ต.ค.62) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาการใช้สิทธิ 2.50 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิวันที่ 16 ต.ค.62 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อพักการโอนใบแสดงสิทธิ 24 ก.ย.62 วันที่ขึ้นเครื่องหมาย SP วันที่ 20 ก.ย.-16 ต.ค.62 ระยะเวลาแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิ วันที่ 30 ก.ย.-15 ต.ค.62 วันที่พ้นสภาพเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนของใบสำคัญแสดงสิทธิ 17 ต.ค.62
- EA (หยวนต้าฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเหมาะสมที่ 60.25 บาท จากปัจจัยบวก ได้แก่ 1) คาดกำไรปกติ 2H62 เติบโต YoY และ 3Q62 มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส หนุนกำไรปกติปี 2562 ทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 6.06 พันล้านบาท +57% YoY 2) แนวโน้มกำไรปี 2563-2565 มีโอกาสทำ New High ต่อเนื่อง จากแรงหนุนของธุรกิจใหม่ คือ Green Diesel, Bio PCM และแบตเตอรี่เฟสแรก มีมุมมองบวกต่อการเติบโตในระยะกลาง-ยาว ขณะที่แผน PDP2018 ช่วยหนุนความต้องการใช้ที่กักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เป็น Upside ต่อประมาณการกำไร
- PTT (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ" เป้าเชิงกลยุทธ์ 46.50 บาท ราคาหุ้นลงต่ำกว่าพื้นฐาน พร้อมเปิด Div. Yield 4% ต่อปี (คาดครึ่งปีแรกจ่าย 0.80 บาท/หุ้น) ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดกันที่ระดับ PE 10 เท่า ในปี 2562 ต่ำกว่า 11 เท่าของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 7 ปี และราคาปัจจัยพื้นฐาน 45 บาท ขณะที่คาดกำไร 2H62 น่าจะดีขึ้น จาก ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และ PTTEP มีปริมารณการผลิตเพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้เหล่งก๊าซฯ ใหม่ ที่เข้าซื้อกิจการช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้โรงแยกก๊าซของปตท. สามารถเดินเครื่องได้สูงกว่า 1H62 นอกจากนี้ต้นทุนค่าก๊าซฯ แม้มาร์จิ้นธุรกิจปิโตรเคมียังอ่อนแอ และเป็นรายได้ส่วนน้อยของกลุ่ม