(เพิ่มเติม) ฟิทช์จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบ. BAY ที่ A+(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 19, 2008 15:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้จัดอันดับเครดิตระยะยาวภายในประเทศหุ้นกู้วงไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาทที่ครบกำหนดไถ่ถอนปีพ.ศ. 2553 ,พ.ศ. 2554 และพ.ศ. 2555 ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ที่ A+(tha) โดยให้แนวโน้มมีเสถียรภาพ
การจัดอันดับครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนด้านเงินทุนและแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการที่ BAY ได้รับการสนับสนุนทางการเงินและปฏิบัติการจาก GE Capital International Holdings Corporation (GECIH) ซึ่งถือหุ้นอยู่ 35% ใน BAY
ระดับของความสนับสนุนจาก GECIH ที่สูงขึ้น น่าจะทำให้ธุรกิจในส่วนลูกค้ารายย่อยของ BAY ขยายตัวได้มากขึ้น และน่าจะช่วยให้ผลประกอบการของธนาคารดีขึ้นได้ในช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า นอกจากนี้ BAY ยังได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ GECIH ในด้านการบริการทางธุรกรรมระดับสากล ด้านเทคโนโลยี และด้านการปฏิบัติการ
BAY รายงานผลขาดทุนจำนวน 4.0 พันล้านบาทในปี 2550 ลดลงอย่างมากจากผลกำไรจำนวน 1.7 พันล้านบาทในปี 2549 เนื่องจากมีการกันสำรองหนี้สูญที่สูงขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศฉบับที่ 39 (IAS 39) (ระดับของการกันสำรองหนี้สูญของ BAY อยู่ที่ 1.24 หมื่นล้านบาทในปี 2550 เทียบกับ 1.14 หมื่นล้านบาทในปี 2549) อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่สูงขึ้นและมีการขาดทุนในลักษณะ mark-to-market จากมูลค่าของเงินลงทุนที่ลดลงของตราสารหนี้ประเภท Collateralized Debt Obligation หรือ CDO ณ สิ้นปี 2550
ระดับของหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารอยู่ที่ 7.0 หมื่นล้านบาท หรือ 15% ของสินเชื่อรวม ถึงแม้ว่าธนาคารจะมีอัตราส่วนของการกันสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้นมาอยู่ที่ 50% ณ สิ้นปี 2550 (เทียบกับ 46% ณ สิ้นปี 2549 และ 32% ณ สิ้นปี 2548) อัตราส่วนดังกล่าวยังคงต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่บางแห่งในประเทศ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ธนาคารอาจต้องกันสำรองเพิ่มเติมอีกในอนาคต ขณะที่ BAY คาดว่าการกันสำรองหนี้สูญเพิ่มเติมในอนาคตไม่น่าจะอยู่ในระดับที่สูง ฐานเงินทุนของธนาคารในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการกันสำรองหนี้สูญเพิ่มเติมได้
หลังจากที่มีการเพิ่มทุนจำนวน 4.14 หมื่นล้านบาทในปี 2550 อัตราส่วนเงินกองทุนรวมและเงินกองทุนขั้นที่ 1 ของ BAY ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20.3% และ 15.6% ตามลำดับ หลังจากที่มีการเข้าซื้อธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ของ GE Capital Auto Lease (GECAL) โดย BAY เสร็จสิ้นลง อัตราส่วนเงินกองทุนดังกล่าวลดลงมาที่ระดับประมาณ 17% และ 13% ตามลำดับ GECAL มีสินทรัพย์ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท การกันสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตขึ้นของสินทรัพย์อาจทำให้อัตราส่วนเงินทุนของธนาคารลดลงไปอีก
แต่อย่างไรก็ตาม ฟิทช์มองว่าอัตราส่วนดังกล่าวน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกของธนาคารมีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ว่าสถานะเงินกองทุนของธนาคารจะยังคงแข็งแกร่ง และสภาวะเศรษฐกิจในปี 2551 ที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น น่าจะเห็นผลการดำเนินงานของธนาคารปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 — 18 เดือนข้างหน้า
BAY ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2488 เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย โดยมีสาขาทั้งสิ้น 567 สาขา ส่วนแบ่งการตลาดทางด้านสินเชื่อและส่วนแบ่งการตลาดทางด้านเงินฝากอยู่ที่ 9% ธนาคารมีบริษัทในเครือซึ่งดำเนินธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจบริหารกองทุน และธุรกิจเช่าซื้อ เนื่องจากธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของเงินฝากและสินเชื่อในสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่ จึงมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารน่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหากมีความจำเป็น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ