S คาดปี 62 รายได้ 1.5 หมื่นลบ. จากเป้า 2 หมื่นลบ. รับผลกระทบภาวะอสังหาฯ-นทท.ชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 2, 2019 17:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 62 จะทำได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบมาจากการชะลอของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในประเทศไทยเกิดการชะลอตัวขึ้น ประกอบกับภาวะของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เกิดการชะลอตัวขึ้นในปีนี้จากมาตรการ LTV ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าบางส่วนมีการชะลอการโอนออกไปบ้าง ส่งผลกระทบต่อการโอนโครงการของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทจะมีการโอนโครงการ The ESSE at Singha Complex มูลค่า 4.34 พันล้านบาท ซึ่งมียอดขายแล้ว 92% โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการโอนในสัดส่วน 50% ของยอดขายที่ทำได้ และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปี 63 อีกทั้งยังมีการโอนต่อเนื่องของโครงการ The ESSE Asoke มูลค่า 4.9 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้จะโอนให้ครบ 80% ของยอดขายทั้งหมดในโครงการดังกล่าว โดยที่ทั้ง 2 โครงการกำลังอยู่ระหว่างการทยอยโอนจะมียอดโอนเข้ามาราว 4-5 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 1.1 หมื่นล้านบาท

ขณะที่การเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทได้เลื่อนออกไป 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในย่านรางน้ำ ซึ่งเลื่อนเปิดไปเป็นเดือนก.พ. 63 จากเดิมที่จะเปิดเดือนต.ค. 62 เนื่องจากบริษัทมองว่าภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบันยังชะลอตัวอยู่ ทำให้มีโอกาสที่เปิดขายโครงการใหม่ จะมีความเสี่ยงที่จะทำยอดขายในช่วงเปิดตัวได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ 30% ทำให้บริษัทชะลอแผนการเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน

ส่วนธุรกิจโรงแรมของบริษัทภายใต้การดำเนินงานของบมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ยังมีผลการดำเนินงานที่ดีในบางประเทศที่ช่วยเข้ามาชดเชยโรงแรมในประเทศ ซึ่งทำให้รายได้จากธุรกิจโรงแรมมีการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น เช่น โรงแรมในเครือ Outrigger ในต่างประเทศมีการเติบโตในช่วงไตรมาส 2/62 และไตรมาส 3/62 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น ทำให้ช่วยเข้ามาชดเชยโรงแรมในประเทศไทยได้ อีกทั้งในวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เปิดบริการโรงแรม SAii Maldives Lagoon ทำให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาเสริมในธุรกิจโรงแรม โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 38 แห่ง ใน 33 ประเทศ

ด้านการนำ SHR เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ยังคงเป็นไปตามแผน ซึ่งคาดว่าจะเข้าตลาดได้ภายในช่วงไตรมาส 4/62 โดยบริษัทคาดว่าจะมีการเดินสายโรดโชว์กับนักลงทุนในช่วงเดือนต.ค.นี้ ซึ่ง SHR จะเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 1,437.45 ล้านหุ้น และจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน เพื่อทำให้ภาระหนี้และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของบริษัทลดลง และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงจากปัจจุบันที่ 1.39 เท่า และการเติบโตของ SHR ในระยะต่อไปจะมีการขยายธุรกิจโดยเน้นที่การซื้อโรงแรมทั้งในและต่างประเทศเป็นหลัก เพื่อทำให้มีรายได้จากการลงทุนเข้ามาทันที

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าแนวโน้มของกำไรสุทธิในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้ว่ารายได้ในปีนี้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้าไว้ก็ตาม ซึ่งเป็นการเติบโตตามรายได้ของบริษัทที่สูงขึ้นจากปีก่อน และมีกำไรพิเศษเข้ามาเสริมจากการเสนอขาย IPO ของ SHR ในช่วงปลายปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ