นางธาริกา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการเงิน บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทฯ คาดว่า ค่าการกลั่น (GRM) จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ 2.4 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว และนโยบายขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่กำหนดให้เรือเดินสมุทรใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ 0.5% จากเดิม 3.5% มีผลตั้งแต่ต้นปี 63 นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมการเดินเรือสมุทร ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อค่าการกลั่นช่วงที่เหลือของปีนี้
ด้านราคาน้ำมันในช่วงไตรมาส 4/62 บริษัทมองว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลต่อความต้องการใช้ลดลง โดยที่คาดการณ์ราคาน้ำมันทั้งปี 62 ไว้ที่ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จากปัจจุบันที่ 58 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/62 มีโอกาสบันทึกขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน หากราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงจากสิ้นเดือนมิ.ย. 62 ที่ระดับราคาน้ำมันอยู่ที่ 62 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทจะต้องมีการขาดทุนสต็อกน้ำมันเกิดขึ้นในไตรมาส 3/62 ซึ่งอาจจะมีผลกดดันต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/62 อยู่บ้าง
ส่วนการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและขยายกำลังการกลั่นน้ำมัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้สามารถกลั่นน้ำมันดิบได้มาก โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/66 นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทยังทยอยซ่อมบำรุงโรงกลั่น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมราว 600 ล้านบาท ส่วนการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ยังไม่มีแผนในระยะนี้ ซึ่งปกติจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นทุกๆ 6 ปี โดยปีนี้บริษัทได้ปิดซ่อมบำรุงใหญ่ไปแล้ว
สำหรับการเพิ่มทุนให้แก่บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วน 24% คาดว่าจะใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไปให้กับ GPSC ในช่วงไตรมาส 4/62 ราว 1.7 หมื่นล้านบาท