นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล่า (ALLA) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานใหม่ มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท โดยคาดหวังจะได้งานราว 10-20% ของการเข้าประมูลงานทั้งหมด โดยงานต่าง ๆ ที่ออกมาจากขยายการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งงานใหม่ที่เข้ามายังคงกระจายในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ อาทิ ปิโตรเคมี ยานยนต์ และงานพรีแคสคอนกรีต
ทั้งนี้ บริษัทยังคงมั่นใจรายได้ปีนี้จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-15% ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือรอการรับรู้ (Backlog) อยู่ที่ 553 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 70-80% ของมูลค่างานทั้งหมด โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มจำนวนทีมขายเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความต้องการใช้อุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุหนักและจำเป็นต้องอาศัยทักษะงานวิศวกรรมเข้ามาช่วย รวมไปถึงการเจาะตลาดในธุรกิจจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ
"ด้วยการตุนงานในมือไว้จำนวนมาก และจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ได้ เราจึงเชื่อว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยภาพรวมของผลประกอบการทั้งปี 62 จะมีทิศทางที่ดี และยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ไว้ใกล้เคียงกับปี 61 ที่ 11% ได้"นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการที่มีกำหนดส่งมอบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อาทิ งานเครนของโรงไฟฟ้าบางปะกงคาดว่าจะรับรู้ในไตรมาส 3-ไตรมาส 4 , งานโรงไฟฟ้าเฟสที่ 1 ของบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้จนถึงต้นปี 63 ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับงานเครนของ บมจ.แสนสิริ (SIRI) และบมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS)
จากเดิมธุรกิจเครนและรอกไฟฟ้าของบริษัท ครองส่วนแบ่งตลาดระดับบนในกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี ยานยนต์ รถไฟฟ้า และก่อสร้าง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ "STAHL" และ "ABUS" ปัจจุบันบริษัทได้ขยายไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยจำหน่ายรอกสลิงไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "YALE" ซึ่งเป็นสินค้าในเครือเดียวกับ STAHL โดยบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์รอกสลิงไฟฟ้า "YALE" อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ก.ย.62 นี้ และ "AL Hoist" ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้การพัฒนาของบริษัททำให้ธุรกิจเครนของบริษัทฯครอบคลุมลูกค้าในทุกกลุ่มตลาด เว้นเพียงแต่ตลาดระดับล่าง