ฝ่ายวิจัย บล.ไอร่า (AIRA) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย ในช่วงเดือน ก.ย.62 ภาพรวมยังมีความผันผวน แต่มีโอกาสปรับขึ้นหลังดัชนีปรับลงไปต่ำสุดเกือบ 100 จุด ในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และเชื่อว่าสะท้อนปัจจัยลบจากประเด็นต่างประเทศไปบ้างแล้ว แม้ยังมีความไม่แน่นอนของประเด็นเดิมอยู่ก็ตาม อาทิ สงครามการค้า ซึ่งหากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนสามารถเกิดขึ้นได้ และเป็นไปอย่างราบรื่น คาดกลับมาเป็น Sentiment บวกต่อตลาดทั่วโลก และความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังเกิดสภาวะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลอายุยาว (Inverted Yield Curve) ติดต่อกันและต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยหนุนเข้ามาบ้างจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และกระตุ้นเศรษฐกิจ ของหลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐฯ จีน และเยอรมัน เป็นต้น พร้อมติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ คาดว่ามีโอกาสสูงที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อกระแส Fund Flow ทำให้มีโอกาสไหลกลับเข้า Emerging Market รวมถึงไทย
ส่วนประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดมีต่อเนื่อง คาดช่วยให้ครึ่งปีหลัง 62 เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พร้อมติดตามการประชุมคณะกรรมกรนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 ก.ย.62 ซึ่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50% และจับตาการทำ Window Dressing เพื่อปิดงบไตรมาส 3/62 ในช่วงปลายเดือนนี้
ดังนั้นแนะนำหุ้นเด่นประจำเดือน ก.ย.ดังนี้ ADVANC, ASK, PTG, SEAFCO, SPALI และ TKN โดยประเมินกลยุทธ์การลงทุนแนวรับแรก 1,630 จุด และแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,680 จุด และแนวต้านถัดไป 1,698 จุด
นอกจากนี้แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามปัจจัยการปรับตัวขึ้น ลง ของราคาน้ำมัน ซึ่งในระยะสั้นได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับลดการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน รวมถึงความต้องการที่คาดกลับมาดี หากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งสัญญาณที่ดี รวมทั้งหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม คาดได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐฯ ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) คาดส่งผลดีต่อความต้องการที่ดินในนิคมฯ
พร้อมทั้งหุ้นปันผล โดยเฉพาะใน SET 50 ซึ่งมี Highest Div. Stock by Yield ณ วันที่ 30 ส.ค.62 น่าสนใจ คาด Div.Yield ไม่ต่ำกว่า 5.0% เช่น TISCO, KKP, LH และ TCAP รวมถึงหุ้นโรงไฟฟ้า จากผลประกอบการที่ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจมีความผันผวน และหุ้นที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว เช่น SCB ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นจากการขาย SCB Life ให้กับ FWD พร้อมคาดจ่ายปันผลพิเศษ ประมาณ 18-19 บาท/หุ้น