โบรกฯเชียร์"ซื้อ"OSP ลุ้นกำไรนิวไฮต่อเนื่องถึงปี 64,รุกขยายตลาด Energy drinks ในเวียดนาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 4, 2019 13:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำซื้อหุ้น บมจ.โอสถสภา (OSP) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 63 ขึ้นอีก 12% หนุนอัพไซด์ราคาพื้นฐานใหม่น่าเข้าลงทุน

ทั้งนี้ มองแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก ตามรายได้ของส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจ Energy drinks ที่เพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ และมีกำลังการผลิตใหม่ในเครื่องดื่ม C-Vitt ขณะที่กลุ่มของใช้ส่วนบุคคลออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง หนุนยอดขายเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ

พร้อมจับตาโค้งสุดท้ายของปีเริ่มส่งออกเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปขายในเวียดนาม และโรงงานแห่งใหม่ผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลังประเภทบรรจุกระป๋องในเมียนมาร์แล้วเสร็จสร้างรายได้เต็มที่ในปี 63

ราคาหุ้น OSP ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 38.00 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.65%) ขณะที่ SET +0.76%

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ                 ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเชีย เวลท์                    ซื้อ                      40.00
          เคทีบี(ประเทศไทย)               ซื้อ                      40.00
          หยวนต้า(ประเทศไทย)             ซื้อ                      45.50
          บล.โนมูระ พัฒนสิน                ซื้อ                      39.00

นายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีมุมมองเชิงบวกกับหุ้น OSP ภายหลังจากล่าสุดฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการกำไรปกติในปี 63 ขึ้นอีก 12.3% มาอยู่ที่ 3,672 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ ทำให้ปรับมาใช้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 63 เป็น 45.50 บาท และคาดว่าจะยังโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 64 เป็นอย่างน้อย

ทั้งนี้ ในปี 63 ได้ปรับประมาณการในแง่ของรายได้ขึ้นอีก 4% เป็น 28,650 ล้านบาท เติบโต 9.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Y/Y) เกิดจากของใช้ส่วนบุคคลเติบโต 10.4% Y/Y และรายได้จากการ OEM ให้ C-Vitt เติบโต 8.7% รวมถึง OEM ประเภทอื่นๆ ก็เติบโต 8.5% เป็นผลมาจากการเปิดโรงงานหลอมแก้วแห่งใหม่ ทำให้สามารถรับออเดอร์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีมาตรการ "Fit Fast Firm" ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต

ขณะเดียวกัน โรงงานแห่งใหม่ผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลังประเภทบรรจุกระป๋องในเมียนมาจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/62 และจะสร้างรายได้เต็มที่ในปี 63 มีส่วนช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้อย่างมีนัยสำคัญซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ และไตรมาส 4/62 บริษัทมีแผนเริ่มส่งออกเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปจำหน่ายในเวียดนาม หลังจากได้ผู้จัดจำหน่ายท้องถิ่นที่มีศักยภาพ แต่ด้วยการแข่งขันที่รุนแรงจึงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นสินค้าที่มีความนิยมเฉพาะกลุ่ม (Niche market) ก่อน ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการเช่นกัน

สำหรับทิศทางกำไรช่วงครึ่งปีหลัง จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกคาดอยู่ที่ 1,500-1,600 ล้านบาท เติบโต 18% Y/Y เนื่องจากรายได้จากกำลังการผลิตใหม่ของ C-Vitt กลับมาเดินเครื่องเต็มที่พร้อมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกราว 20% นอกจากนี้ยังมียอดขายจากสินค้าตัวใหม่เป็นเครื่องดื่มกลุ่ม Sport drinks มาช่วยเพิ่มยอดขาย

ขณะที่สินค้ากลุ่มของใช้ส่วนบุคคลคาดเติบโตสูงจากทำ Rebranding ตัว Twelve Plus และสินค้าใหม่กลุ่ม Babi mild สร้างรายได้มากขึ้น ส่วนรายได้จากเครื่องดื่มบำรุงกำลังโตเด่นจากส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ M150 ที่อยู่ที่ 37.8% ในไตรมาส 2/62 ดีขึ้นจาก 37.2% ในไตรมาส 1/62 ขณะที่ล่าสุดในเดือน ก.ค.62 ยังพบว่าส่วนแบ่งของ M150 เพิ่มขึ้นต่อเป็น 38% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีหลังยังทรงตัวสูง แม้รัฐบาลประกาศใช้อัตราภาษีน้ำตาลใหม่ แต่บริษัทได้ปรับสูตรน้ำตาลน้อยไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้

"เราค่อนข้างมีมุมมองบวกกับหุ้น OSP มากอย่างน้อยต่อเนื่องไปอีก 2 ปีข้างหน้า โดยราคาหุ้น OSP ในปัจจุบันมีความน่าสนใจ ถือว่ายังไม่แพง มีอัพไซด์เมื่อเทียบกับ valuation พื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยฯประมาณการณ์ไว้ โดยแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะดีกว่าในครึ่งปีแรก เพราะธุรกิจเครื่องดื่มมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด Energy drinks เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และธุรกิจกลุ่มของใช้ส่วนบุคคล หลังจากออกสินค้าตัวใหม่ไปแล้ว น่าจะเห็นความชัดเจนเรื่องการเติบโตยอดขายในไตรมาส 3 นี้

และไตรมาสสุดท้ายบริษัทเตรียมส่งออกเครื่องดื่มบำรุงกำลังในลักษณะสินค้าประเภท Niche Market ไปขายในเวียดนาม ไม่ได้ไปในแบรนด์ M150 เพราะมีการแข่งขันรุนแรง แต่มองเป็นพัฒนาการที่ดี ตลาดเวียดนามเป็นตลาดใหญ่ ถ้าตีตลาดได้สำเร็จจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกมากในอนาคต" นายธีร์ธนัตถ์ กล่าว

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภายหลังเข้าพูดคุยกับผู้บริหาร OSP ช่วงต้นเดือน ก.ย. ทำให้มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อทิศทางเติบโตบริษัทในระยะยาวทั้งในไทยและต่างประเทศ ประกอบด้วย ธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศยังคงจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะออกสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ มุ่งเน้น Premiumization โดยผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่จะมีการเพิ่มผลตอบแทน เช่น Shark Zero Sugar เครื่องดื่มสปอร์ตที่เตรียมวางจำหน่าย ส.ค.นี้ เพื่อเจาะตลาดคนออกกำลังกาย

นอกจากนี้ บริษัทจะกลับมาเน้นธุรกิจ Personal Care ที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ปัจจุบัน OSP มีรายได้ Personal Care เพียง 2.4 พันล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้ทั้งหมด และเทียบกับตลาด Personal Care ในไทยที่มีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท โดย OSP ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อขยายสู่ premium segment และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น

และการลงทุนในธุรกิจใหม่ เช่น Vending machine ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีการเติบโตสูงของธุรกิจเครื่องดื่ม รวมถึงแนวทางการลดต้นทุนการผลิต เช่น Fit Fast Firm program ที่จะหันมาเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯเชื่อมั่นว่ากำไรสุทธิ OSP ในช่วงปี 62-64 คาดเติบโตเฉลี่ย 13.5% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม คงประมาณการกำไรปกติปีนี้อยู่ที่ 3,395 ล้านบาท เติบโต 13% Y/Y แม้ว่าราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังมองว่ายังน่าสนใจจากผลประกอบการที่จะคงเติบโตต่อเนื่อง และโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตอีกมาก

ขณะที่ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจัยพื้นฐาน OSP มีโอกาสเติบโตได้ดีระยะยาว โดยมุมมองทางเทคนิคแนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้นจากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal โดย OSP ยังรอคอยการกลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะกลางด้วยการเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ เมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 37.25 บาท ซึ่งจะทำให้ OSP กลับเข้าสู่แนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างเต็มตัวอีกครั้ง มีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 41 บาท ทั้งนี้ จุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 36.75 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ