นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) กล่าวว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากได้รับผลดีจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจุบันราคาเหล็กอยู่ที่ 21-23 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลดลงจากเดิมที่ 22-25 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะเดียวกันก็ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ซื้อวัตถุดิบเข้ามาในราคาต่ำลง โดยปัจจุบันบริษัทมีสต็อกเหล็กราว 4,000-5,000 ตัน
ARROW แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/62 มีกำไรสุทธิ 55.34 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 26.96 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 97.88 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 65.46 ล้านบาท
นายธานินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานใหม่ หลังจากได้เข้าไปประมูลงานท่อร้อยสายไฟของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง มูลค่างานประมาณ 40 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลในไตรมาส 4/62
นอกจากนั้น ยังรอผลการประมูลงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินที่บริษัทได้ลงทุนในกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อประกอบธุรกิจก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคเกี่ยวกับงานวางท่อสายส่งไฟฟ้ากำลังและสายสัญญาณสื่อสาร โดยพันธมิตรเป็นผู้เข้ายื่นประมูลงาน และ ARROW เป็นผู้รับงานต่อเนื่อง
บริษัทคาดหวังได้รับงานที่เข้าประมูลเข้ามาเกิน 50% ของมูลค่างานทั้งหมด ซึ่งน่าจะส่งผลให้งานในมือ (Backlog) ปรับตัวเพิ่มเป็น 1,200 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มี backlog ราว 1,100 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นายธานินทร์ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ระดับ 10-15% หลังจากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 13.14% และอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 25-30% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 24.65% ขณะที่ภาวะการแข่งขันในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงด้านการตัดราคา เนื่องจากงานประมูลที่ออกมาน้อยลง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เพราะสัดส่วนรายได้จากงานรับเหมายังน้อยมาก โดยรายได้หลักยังมาจากการขายและบริการ
"เรามองว่าปีนี้เป็นปีที่กลับมาดีขึ้น หลังจากผลการดำเนินงานปรับตัวลดลงไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาเหล็กโลกปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นระดับราคาที่ลงมาใกล้กับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เรามีความพอใจอย่างมาก ส่วนธุรกิจก่อสร้างปีนี้น่าจะเหนื่อยนิดหน่อย จากภาวะการแข่งขันด้านราคา ตามงานที่ออกมาน้อยลง แต่ถือว่างานในส่วนดังกล่าวยังเป็นส่วนน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เรามีรายได้จากการขายและบริการเป็นหลัก"นายธานินทร์ กล่าว