นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่ารายได้ปีนี้อาจจะพลาดเป้าหมาย 1,500 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทมีรายได้เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐเกือบ 100% แต่อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในรูปดอลลาร์สหรัฐยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากหรัฐได้นำเข้าสินค้าจำนวนมากก่อนที่จะมีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ ขณะที่รายได้จากประเทศอื่นๆ ก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย
บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการขนส่ง และบริษัทยังมีการเจรจากับลูกค้ารายใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมท้งเจรจากับสายการบินแอล อัล อิสราเอล เพื่อให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ครบวงจรเพียงผู้เดียวในประเทศไทย คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในเดือน ต.ค.62 ก่อนเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ในเดือน พ.ย.นี้ เบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้ราว 30-40 ล้านบาทต่อเดือน
"ปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐและประเทศจีนนั้น อาจจะกระทบในด้านลบกับผู้ประกอบการหลายๆ ราย แต่สำหรับเราไม่ได้รับผลกระทบด้านลบ แต่กลับกันเรามีผลกระทบด้านดี ทำให้ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจำนวนมากเพื่อที่จะกักตุนก่อนที่จะมีการจัดเก็บภาษี พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ให้บริการกับลูกค้ารายใหม่ๆเพิ่มเติมด้วย"นายกิตติ กล่าว
นายกิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากจีนเพื่อร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มเกี่ยวกับระบบที่ใช้ในสนามบิน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/63 น่าจะเริ่มให้บริการการและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/63 ทันที
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการธุรกิจระบบผลิตน้ำ Reverse Osmosis System (RO) ด้วยงบลงทุนไม่เกิน 20 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 63 โดยเป็นการต่อยอดธุรกิจธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาล้างไตและเวชภัณฑ์ต่างๆ โดยมองว่าธุรกิจนี้ยังมีทิศทางการเติบโต และความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมอาหารอีกมาก
"เรายังมีแผนการขยายไปยังหลายๆธุรกิจ และการขยายไปยังประเทศใหม่ๆเพิ่มเติม เพื่อที่จะเป็นการกระจายความเสี่ยงของการรับรู้รายได้ ในภาวะความไม่แน่นอนต่างๆของโลกที่มีอยู่มาก"นายกิตติ กล่าว