นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อควา คอร์ปอเรชั่น (AQUA) กล่าวว่า บริษัทปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตเป็น 30% จากเดิมคาดเติบโต 20% จากปีก่อนทำได้ 1,241.14 ล้านบาท ภายหลังเข้าซื้อกิจการ บริษัท ส. ธนา มีเดีย จำกัด โดยเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 100% ส่งผลทำให้บริษัทสามารถบันทึกรายได้และกำไรสุทธิเข้ามาทันที และคาดหวังจะคืนทุนได้ภายใน 7 ปี ซึ่งในปีนี้คาดว่า ส.ธนา จะมีรายได้ราว 103.98 ล้านบาท
นอกจากนั้น การซื้อ ส.ธนา มีเดีย ยังช่วยเสริมศักยภาพการของบริการป้ายโฆษณาที่เป็นป้ายนิ่งให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทดังกล่าวมีป้ายนิ่งอยู่ที่ 60 ป้าย และบริษัทมีแผนจะเปลี่ยนป้ายนิ่งเป็นจอภาพ LED จำนวน 5 จอ วางงบลงทุน 10 ล้านบาทต่อจอภาพ
ขณะที่บริษัทมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่ทำรายได้แล้ว 649.36 ล้านบาท เนื่องจากจะมีเม็ดเงินโฆษณาเข้ามามากขึ้น ซึ่งน่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นไป รวมถึงบริษัทฯ จะรับรู้รายได้จอภาพ LED ที่สามารถติดตั้งได้ครบ 80 จอเข้ามาเต็มปี และคาดมีอัตราการใช้พื้นที่โฆษณาเฉลี่ยปีนี้ที่ 70%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองแนวโน้มอัตราการใช้พื้นที่โฆษณาของจอภาพ LED ในไตรมาส 3/62 น่าจะรักษาระดับใกล้เคียงไตรมาส 2/62 เนื่องจากยังมีปัจจัยลบทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ความมั่นคงของการเมืองภายในประเทศ เป็นต้น ที่อาจส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย เห็นได้จากตัวเลข 7 เดือนที่ออกมา ยอดรวมของการจับจ่ายใช้สอยปรับตัวลดลง 2% และอัตราการเติบโตของสื่อนอกบ้านเติบโตเพียง 0.9% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์
แต่บริษัทเชื่อว่าในไตรมาส 4/62 จะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจที่ส่วนใหญ่จะมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาล โดยรวมจึงคาดว่าสัดส่วนรายได้ของจอภาพ LED จะอยู่ที่ 30% ของรายได้รวมในปีนี้
บริษัทยังจะรับรู้รายได้จากจอภาพ LED บริเวณเสาตอม่อของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 17 เสา และทางออกอีก 17 เสาเข้ามาในช่วงที่เหลือของปีราว 20 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีได้ในปี 63 เป็นต้นไป โดยปัจจุบันบริษัทมีการขายโฆษณาเป็นแพ็คเกจ และมีลูกค้าสนใจใช้พื้นที่ในการโฆษณาแล้วจำนวน 7 ราย คาดจะครอบคลุมต้นทุนเดือนละ 3 ล้านบาท
ส่วนป้ายนิ่ง บริษัทจะเพิ่มอัตราการใช้พื้นที่โฆษณามากขึ้นจากครึ่งปีแรกที่อยู่ในระดับ 52% โดยจะเน้นการส่งเสริมการขายของทีม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีป้ายนิ่งอยู่ทั้งสิ้น 285 ป้าย และคาดว่าทั้งปีจะผลักดันรายได้ในส่วนนี้ให้เติบโต 6% จากครึ่งปีแรกเติบโตได้เพียง 1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่ส่งผลต่อการใช้พื้นที่สื่อโฆษณา โดยรายได้ในไตรมาส 2/62 ติดลบไป 5%
นายอารักษ์ กล่าวว่า บริษัทยังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) ที่ปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 40% เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ EPCO จะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 99.216 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น เฟสที่เหลืออีก 13 เมกะวัตต์ ของกำลังการผลิตทั้งหมด 45.96 เมกะวัตต์