นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 3/62 (ก.ค.-ส.ค.) สามารถรักษาอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าในไตรมาสนี้ถือเป็นโลว์ซีซั่นหรือช่วงนอกฤดูการขายของสินค้าวัสดุก่อสร้างก็ตาม แต่จากการวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ การเตรียมความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์และทีมช่างติดตั้งมืออาชีพไว้ให้บริการ รวมถึงการสร้างการจดจำแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าที่ดีขึ้นและเป็นเหตุให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. บริษัทสามารถเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้เต็มกำลังการผลิตหรือเฉลี่ยอยู่ที่ 90% ของกำลังการผลิตโดยรวม เพื่อป้อนสินค้าเข้าสู่ช่องทางจำหน่ายหลักทั้ง 4 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายย่อย กลุ่มลูกค้าโครงการและตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังใช้โอกาสนี้เร่งผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้าคงคลังให้เพียงพอรองรับความต้องการในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เนื่องจากขณะนี้มีความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อนำไปปรับปรุงและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนภาพรวมการขายสินค้ากลุ่มมวลเบา ได้แก่ อิฐ คานทับหลัง และเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูป เป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถกลับมาสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ จากการกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้มีอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยอยู่ที่ 70% ของกำลังการผลิตรวม ซึ่งเป็นระดับที่มีขีดความสามารถในการบริหารต้นทุนการผลิตต่อหน่วยให้อยู่ในระดับที่ดี และสินค้าในกลุ่มไม้สังเคราะห์ก็ได้รับผลดีจากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตซึ่งปรับตัวลดลงในปัจจุบัน จึงส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 25-27% ได้ตามเป้าหมาย
"เราพอใจกับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ก.ค. – ส.ค.) ซึ่งตามปกติจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นที่กำลังซื้อชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการเดินเครื่องจักรโดยเฉลี่ยจะลดลงต่ำกว่าไตรมาสอื่น ๆ อย่างไรก็ตามจากแผนการตลาดที่วางไว้และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำและอยู่ในใจของผู้บริโภค ทำให้เราสามารถรักษายอดขายและอัตราการเดินเครื่องจักรให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี" นายสาธิต กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนขยายไลน์การผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์ NT 11 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์และไดมอนด์บอร์ด อีก 55,000 ตัน รองรับการนำไปใช้ก่อสร้างและตกแต่งซ่อมแซมที่อยู่อาศัยนั้น ปัจจุบันการขยายการลงทุนมีความคืบหน้าตามแผนงาน โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารเพื่อรองรับการติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าการขยายกำลังการผลิตจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/63 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการผลิตสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้นและผลักดันภาพรวมยอดขายสินค้าของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต