นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นวนคร (NNCL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้เหลือต่ำกว่า 1,080.63 ล้านบาทในปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตราว 5% หลังในครึ่งปีแรกทำได้เพียง 389.66 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปิดปรับปรุงโรงไฟฟ้า NNEG เกินกว่าแผน แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังนี้ผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้น หลังโรงไฟฟ้าดังกล่าวสามารถกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติแล้ว
"รายได้ปีนี้น่าจะทำได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากการปิดปรับปรุงโรงไฟฟ้าที่เกินกว่าแผน แต่ครึ่งปีหลังนี้จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น โดยเรื่องของการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ บริษัทฯ ก็จะพยายามจ่ายปันผลให้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่ 0.09% ขณะเดียวกันปีหน้าก็คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นเรื่อยๆ จากการ COD โรงไฟฟ้า แห่งที่ 2 และรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ๆ"นายนิพิฐ กล่าว
ทั้ง นี้ในเขตอุตสาหกรรม นวนคร นครราชสีมา ปัจจุบันมีที่ดินพร้อมขายแล้วจำนวน 600 ไร่ โดยที่ผ่านมาได้มีการเซ็นสัญญาขายที่ดินให้กับลูกค้ารายใหญ่ 1 ราย จำนวน 115 ไร่ และยังมีลูกค้าอื่นๆ ให้ความสนใจอีกจำนวนหลายราย คาดว่าปีนี้จะสามารถขายที่ดินได้เพิ่ม สำหรับลูกค้ารายเล็กๆ ราว 20-30 ไร่ และน่าจะสามารถขายที่ดินให้กับลูกค้ารายใหญ่ จำนวนกว่า 100 ไร่ ได้ในปีหน้า
ขณะที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาขยายเขตนิคมอุตสาหกรรม ไปยังพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติม โดยมองทั้งในจ.ปทุมธานี นครราชสีมา และในพื้นที่ EEC รวมถึงศึกษาสร้างโรงไฟฟ้าใน จ.นครราชสีมา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 2/63
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำให้กับนิคมอุตสาหกรรมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 75,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และมียอดขายอยู่ที่ 55,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งคิดเป็นรายได้ราว 400 ล้านบาท/ปี อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาการจำหน่ายน้ำปะปานอกพื้นที่ โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนความคืบหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ (เฟส 2) ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าอีกประมาณ 60 เมกะวัตต์ และไอน้ำอีกประมาณ 10 ตันต่อชั่วโมง โดยใช้วงเงินลงทุนประมาณ 3,105 ล้านบาท (ส่วนของเงินกู้ประมาณร้อยละ 75 และส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณร้อยละ 25) นายนิพิฐ กล่าวว่า จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.62 และคาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ประมาณเดือนส.ค.63 ซึ่งยังเป็นไปตามเป้าหมาย โดยภายหลังดำเนินการแล้วเสร็จบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด จะมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าสุทธิประมาณ 185 เมกะวัตต์ และขนาดกำลังการผลิตไอน้ำรวมประมาณ 40 ตันต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าต่อเนื่อง (เฟส 3) ซึ่งส่วนหนึ่งจะรองรับกับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ โดยปัจจุบันโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ ภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในเร็วๆนี้ และน่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี