TKS มั่นใจรายได้ปีนี้โตกว่า 14% ตามเป้า หลังตุน Backlog ราว 1.3-1.4 พันลบ. รับรู้ปีนี้ทั้งหมด-ประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 6, 2019 14:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.เค.เอส.เทคโนโลยี (TKS) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 14% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,534.18 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 1,300-1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโปรเจ็คต์ใหญ่ คือ งานพิมพ์ข้อสอบของหน่วยงานราชการ และงานพิมพ์แสตมป์ของผู้ประกอบการร้านค้าปลีก รวมถึงงานพิมพ์ประเภทอื่นๆ มูลค่าราว 700 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ และงานที่ร่วมกับ บมจ.ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง (TBSP) มูลค่าราว 700 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 500-600 ล้านบาท ในปีนี้

ล่าสุด บริษัทได้เซ็นสัญญาเข้ารับงานพิมพ์แสตมป์ของผู้ประกอบการร้านค้าปลีก รายใหม่ที่เพิ่มเข้ามามูลค่าหลัก 10 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ทันที

นอกจากนี้ ไตรมาส 4/62 บริษัทคาดหวังที่จะได้รับงานพิมพ์บัตรเลือกตั้งในส่วนของท้องถิ่นที่ไม่ได้มีการจัดมานานกว่า 5 ปี แบ่งเป็น 1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2. การเลือกตั้งสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล การเลือกตั้งเทศบาล 3. การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด 4. การเลือกตั้งระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร และ 5. การเลือกตั้งระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา

อย่างไรก็ตาม งานดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจจัดเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะทยอยพิมพ์บัตรเลือกตั้งแต่ละประเภท หรือจะมีงานพิมพ์ครบจบครั้งเดียวหรือไม่ หรือแม้ไม่ได้จัดพิมพ์พร้อมกัน ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อธุรกิจของบริษัท แต่ต้องรอติดตามว่าเกิดเลือกตั้งดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อได

นายสมคิด คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังผลงานจะดีขึ้นจากการรับงานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม ส่วน บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) บริษัทฯถืออยู่ 38.51% ถึงแม้ว่าในครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนบ้าง แต่คาดว่าในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น จึงมองว่าจะสะท้อนธุรกิจในครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก

สำหรับแผนการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ TBSP คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาท ที่มาจากการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อสถานการณ์ทางการเงิน เนื่องจากได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับต่ำ และก่อนการกู้ยืมเงินมีอัตราส่วนหนี้สินเพียง 0.4 เท่า หลังจากการกู้ยืมก็มีการปรับขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ