นายทศพร นิษฐานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมทบทวนเป้าหมายรายได้ปีนี้ลง หลังปิดงบผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบยอดขายในไตรมาส 2/62 ปรับตัวลดลง จากกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่มีผลทำให้ยอดขายโทรศัพท์มือถือหัวเหว่ยหดตัว
ทั้งนี้แม้จะมีการทบทวนเป้าหมายรายได้ลง แต่ยังเชื่อว่าทั้งปีจะเติบโตดีกว่าปีก่อน จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 38,397.97 ล้านบาท และครึ่งปีแรกทำได้แล้วที่ 17,543.14 ล้านบาท และมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/62 ที่เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ เพราะสินค้ารุ่นใหม่จะทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อผู้บริโภคกลับมาคึกคัก
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับโครงสร้างองค์กร โดยวางเป้าหมาย 6 ข้อ เช่น การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์, การเพิ่มยอดขายออนไลน์ จากปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ 5-10% ของยอดขายรวม เป็นต้น เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตของสินค้าที่กำลังมาแรง และการบริหาร Product Mix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อมุ่งเน้นการทำอัตรากำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้นในทุกๆปี คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/62 เป็นต้นไป จากครึ่งปีแรกมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4.22%
"ในปีนี้ ซินเน็คฯ ให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ของเราอย่างใกล้ชิด ออกแคมเปญ เพื่อกระตุ้นตลาด จัดกิจกรรมร่วมกับเจ้าของสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าที่ซินเน็คฯ จำหน่าย มุ่งเน้นการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ที่เป็นไฮมาร์จิ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียล มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น พร้อมโฟกัสสินค้าที่เป็นเทรนด์ในอนาคต ทั้งกลุ่มสินค้าเกมมิ่งที่มีการเติบโตสูงสุดในกลุ่มสินค้าไอที รวมทั้ง สินค้ากลุ่ม Internet of things (IoT) และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI เป็นโอกาสให้ซินเน็คนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ตอกย้ำ การเป็นดิสทริบิวตอร์ไอทีที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ ด้วยสินค้าที่หลากหลาย พร้อมด้วยโซลูชั่น และการให้บริการอย่างครบวงจร" นายทศพร กล่าว
ปัจจุบันพอร์ตสินค้าของบริษัทมีมากกว่า 60 แบรนด์ชั้นนำ และมีแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ได้แก่ ALTRON, SUBLUE, SHUTTLE และมีดีลเลอร์มากกว่า 6,000 ราย มากที่สุดในประเทศไทย พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ได้แก่ กลุ่มร้านค้าปลีกไอทีและสมาร์ทโฟน กลุ่มโมเดิร์นเทรด กลุ่มอีคอมเมิร์ซ และตลาดอินโดไชน่า ซึ่งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง