โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.(PTT) แม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 ยังอ่อนแอ จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีและก๊าซธรรมชาติยังมีทิศทางทรงตัว มีเพียงธุรกิจโรงกลั่นที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวของค่าการกลั่น
อย่างไรก็ตาม ยังมอง PTT มีศักยภาพการเติบโตระยะยาว จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานมากขึ้น รวมถึงแผนการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าในกัมพูชาและเมียนมา ตลอดจนการขยายลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ไปยังภูมิภาคเพื่อรองรับความต้องการใช้เป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการมองหาการลงทุนธุรกิจใหม่เข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้ ราคาหุ้น PTT เพิ่งเริ่มฟื้นตัวหลังจากปรับฐานลงแตะ 40.75 บาท ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมานั้น ผลักดันให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงขึ้นกว่า 4% ต่อปี
พักเที่ยง ราคาหุ้น PTT อยู่ที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.11% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.07%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) คิงส์ฟอร์ด ซื้อ 50.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 53.00 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 53.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 55.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 53.00 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 52.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 52.00
นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 ของในส่วนของกำไรปกติคาดว่าจะลดลงจากไตรมาส 2/62 จากผลการดำเนินงานของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสปรับตัวลง หากราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง รวมถึงต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 32-33 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จาก 31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถึงแม้ปริมาณขายปิโตรเลียมจะเพิ่มขึ้นราว 6% ก็ตาม
ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของ PTT อาจมีกำไรจากธุรกิจขายก๊าซฯลดลงเพราะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของการใช้ไฟฟ้า แต่ในส่วนของโรงแยกก๊าซฯจะดีขึ้นจากที่ไม่มีหยุดซ่อมบำรุง ด้านส่วนต่าง (สเปรด) ธุรกิจปิโตรเคมียังคงทรงตัว มีเพียงธุรกิจโรงกลั่นที่มีค่าการกลั่น (GRM) ดีขึ้นแต่ก็ถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลงอาจทำให้เผชิญกับผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจของ PTT ยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในระยะสั้น ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติในปี 62 ลดลง 3.4% จากปี 61 บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจาก 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 61
อย่างไรก็ตาม การที่ PTT มีกลยุทธ์รักษาความสมดุลการเติบโตเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการต่อยอดกำไรไปยังธุรกิจหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ทั้งการลงทุนท่อส่งก๊าซธรรมชาติหลักเส้นที่ 5 ,การสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจ LNG และต่อยอดไปสู่ธุรกิจไฟฟ้า ตลอดจนการมองหาธุรกิจใหม่ด้านนวัตกรรมในระยะยาว ก็จะเข้ามาช่วยผลักดันผลการดำเนินงาน อีกทั้งราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาระดับหนึ่งแล้ว ทำให้มี Upside สูง และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับกว่า 4% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่น่าจูงใจ โดยคาดว่า PTT จะจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ใกล้เคียงกับปี 61 ที่จ่ายในอัตรา 0.80 บาท/หุ้น
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่าจากเวทีการประชุมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 37 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการหารือความร่วมมือด้านพลังงานกับกัมพูชาและเมียนมา ซึ่งมองเป็น Potential Growth สำหรับกลุ่ม PTT ในระยะยาว โดยเฉพาะประเด็นการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในกัมพูชา รวมไปถึงการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าในประเทศกัมพูชา จะเป็นปัจจัยบวกต่อ PTTEP , บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) และ PTT รวมไปถึงแผนการขยายการลงทุนในธุรกิจ LNG รองรับความต้องการใช้ LNG ในภาคการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค ขณะที่ PTT มีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในธุรกิจก๊าซฯ ครบวงจร
ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/62 ของ PTT จะฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจหลัก ยังคงทรงตัวในระดับสูงจากต้นทุนผลิตที่ลดลงต่อเนื่อง เพียงพอชดเชยธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ ที่คาดว่าปริมาณขายจะปรับลดลงตามฤดูกาล ขณะที่การรับรู้รายได้จากธุรกิจการกลั่นจะกลับมาฟื้นตัวตามทิศทางของค่าการกลั่น แต่การฟื้นตัวยังอาจถูกจำกัดด้วยความเสี่ยงของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี ที่คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความต้องการลดลง ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมไปถึงกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่การที่ PTT นับเป็น Integrated Oil ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่ดี ทำให้ผลประกอบการมีความผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มพลังงาน
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับลดประมาณการกำไรของ PTT ในปี 62-63 ลดลงเป็น 1.12-1.22 แสนล้านบาท จาก 1.22-1.29 แสนล้านบาทตามลำดับ เพื่อสะท้อนกำไรที่ต่ำกว่าคาดในครึ่งแรกของปีนี้ โดยส่วนใหญ่มาจากธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่อ่อนแอ โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/62 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลจากธุรกิจก๊าซฯ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และน้ำมันที่มีกำไรทรงตัว ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นฟื้นตัว ตามค่าการกลั่นที่ดีขึ้น แต่สเปรดของปิโตรเคมียังอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม PTT ยังมีมูลค่าหุ้นเพิ่มจากการจะนำ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เข้าตลาดหุ้น ซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเตรียมแผนเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เบื้องต้นคาดว่าจะเลื่อนไปในครึ่งแรกปี 63 และช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นให้กับ PTT ประมาณ 3-5 บาท/หุ้น