นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมบันทึกกำไรพิเศษประมาณ 500 ล้านบาท จากการที่บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะขายหุ้นและหนี้ทั้งหมดของบริษัท โซล่าร์ พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (SPM) ให้กับบมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) มูลค่าประมาณ 1,259 ล้านบาท โดยได้ลงนามซื้อขาย พร้อมได้รับเงินมัดจำมาแล้ว 125.90 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ 10% ของมูลค่าสิ่งตอบแทนของสินทรัพย์ที่จำหน่ายไป ส่วนที่เหลือจำนวน 1,133.10 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ 90% จะจ่ายชำระในวันที่โอนหุ้นในบริษัท SPM ให้แก่ผู้ซื้อหุ้นเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนเงินกู้ เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัท และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และการลงทุนของบริษัทฯ ในอนาคตต่อไป
"ดีลนี้ถือว่าได้รับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจมาก คิดเป็นกำไรจากการลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าในเวียดนามที่ขายให้กับ BGC เป็นการขายหุ้นและหนี้ทั้งหมด โดยในช่วงที่เข้าลงทุนเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 2,900 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งนั้นแบ่งเป็นเงินกู้ 65% และมาจากเงินลงทุน 35% ซึ่งในส่วนของ SPM ลงทุนในโปรเจคดังกล่าว 65% ใช้เงินลงทุนเพียงประมาณ 710 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ขายออกไปครั้งนี้ทำให้ได้รับกำไรพิเศษจากการลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทปีนี้เติบโตแบบก้าวกระโดดและทำสถิตินิวไฮอีกครั้ง"นายยุทธ กล่าว
ปัจจุบัน SPM ถือหุ้น 65% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดย PKS ประกอบกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Xuan Tho 1 (โครงการ XT1) และ โครงการ Xuan Tho 2 (โครงการ XT2) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 99.216 เมกะวัตต์ (MW) ที่จังหวัดฟูเยี้ยน ประเทศสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม โดยที่ก่อนดำเนินการซื้อขายหุ้นและหนี้ของ SPM ให้กับผู้ซื้อนั้น SPM จะซื้อหุ้นของ PKS เพิ่ม จากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นกรรมการของ Nam Viet Hung Investment Corporation (NVH) ในสัดส่วน 2%
ทั้งนี้ โครงสร้างการถือหุ้นของ PKS ก่อนการขายหุ้น ประกอบด้วย SPM ถือหุ้นในสัดส่วน 67% กับบมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ซิสเต็มส์โซลูชั่น (CSS) ในสัดส่วน 25% และหุ้นส่วนที่เหลือถือหุ้นโดย Nam Viet Hung Investment Corporation (NVH) ในสัดส่วน 5% และกรรมการ 1 คนของ NVH ถือหุ้นในสัดส่วน 3%