ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,665.93 จุด ลดลง 5.29 จุด (-0.32%) มูลค่าการซื้อขาย 58,277.80 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,677.47 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,662.28 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 528 หลักทรัพย์ ลดลง 988 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 463 หลักทรัพย์
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ก็ปรับตัวลง เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้เคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากต่างยังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ซึ่งน่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หากเป็นจริงก็จะช่วยหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามาได้ และในส่วนของยุโรปก็ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ส่วนบ้านเราก็ยังมีความคาดหวังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ที่อาจจะปรับอันดับเครดิตของไทยขึ้น จากที่มองเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของทั่วโลกได้เริ่มฟื้นตัวขึ้น ทำให้นักลงทุนมีการปรับพอร์ตกันบ้าง โดยมีการโยกย้ายกลุ่มการลงทุน จากหุ้นในกลุ่ม ICT, ค้าปลีก ที่วันนี้พักตัว ขณะที่หุ้นในกลุ่มแบงก์, พลังงาน และปิโตรเคมี ได้ขยับขึ้นมา
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ย.) นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะนิ่ง ๆ วอลุ่มเทรดบางต่อเนื่องในช่วงรอดูผลการประชุม ECB โดยให้แนวรับ 1,660-1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,675-1,680 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,161.71 ล้านบาท ปิดที่ 83.00 บาท ลดลง 1.25 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,951.92 ล้านบาท ปิดที่ 117.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,451.25 ล้านบาท ปิดที่ 165.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,156.75 ล้านบาท ปิดที่ 5.55 บาท ลดลง 0.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,026.17 ล้านบาท ปิดที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท