บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) รับทราบการลาออกของ นางสาวเรณุมาศ อิศรภักดี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมการบริษัท ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) กรรมการผู้จัดการ (รักษาการ) รองกรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติการ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.62 เป็นต้นไป เนื่องจากติดภาระกิจอื่น ๆ พร้อมทั้งอนุมัติแต่งตั้ง นายธนา รังสิกุล ดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติความเป็นกรรมการ ครบถ้วนตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62 เป็นต้นไป
นอกจากนี้รับทราบการลาออกของ นายพชร พรรธนประเทศ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น กรรมการบริษัท กรรมการบริหาร ได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.62 เนื่องจากติดภาระกิจอื่น ๆ
พร้อมทั้งอนุมัติแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงคนใหม่อีก 3 ราย ประกอบด้วย นายเอกภูศิษฐ์ บุญศิริยศฐากุล ดำรงตำแหน่ง กรรมการบริษัท กรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ แทนกรรมการที่ได้ลาออก ,นายวรรัตย์ จรูญสมิทธ์ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด และนางสาวอภิรดี วังวิทยา ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน (CFO) โดยทุกตำแหน่ง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62
สำหรับแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในครั้งนี้ เป็นเพียงการปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเท่านั้น ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ และกลุ่มอิศรภักดียังคงถือครองหุ้นในสัดส่วนเดิม โดยทางกลุ่มมั่นใจในการผลักดันทีม "Next DOD" รุ่นใหม่ที่จะเข้ามานำพาองค์กร เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย และมุ่งสู่ระดับโลกต่อไป ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของบริษัทเติบโตมากขึ้นหลายเท่าตัว จึงจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ผู้บริหารมืออาชีพ ที่มีความพร้อมทั้งประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเข้ามาบริหารงาน ให้บรรลุเป้าหมายขยายธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งเทียบบริษัทชั้นนำ
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้เรียนเชิญ MS.TAN SIEW SAN อดีตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในประเทศสิงคโปร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทและกรรมการอิสระ ของ DOD นับว่าเป็นการช่วยผลักดันให้บริษัทฯขยายฐานลูกค้า และยังเป็นการเปิดโอกาสในการเพิ่มช่องทางการต่อยอดธุรกิจ ไปยังบริษัทชั้นนำในเอเชีย อาทิ สิงคโปร์,เกาหลี,ญี่ปุ่น,อินโดนีเซีย และจีน ได้เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น จากแผนการปรับโครงสร้างการบริหาร ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ทำให้เห็นได้ว่า DOD มีการส่งไม้ต่อไปยังทีมงานผู้บริหาร ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ ในการบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นการันตีถึงประสบการณ์ของทีมผู้บริหารชุดใหม่ ที่จะช่วยสร้างความเติบโต และก่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรและผู้ถือหุ้นอย่างสูงสุด
ด้านนายธนา ในฐานะว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ DOD เปิดเผยว่า ภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค.62 โดยส่วนตัวและทีมคณะผู้บริหารชุดใหม่ มีความพร้อมในการเดินหน้าสานต่อขับเคลื่อนนโยบายบริษัทให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของบริษัทที่วางไว้ก่อนหน้า เพื่อให้สอดรับกับแนวทางพัฒนาการให้บริการในรูปแบบ One Stop Service Solution สู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบบครบวงจร ในระดับภูมิภาคเอเชีย (Regional) และไปสู่ระดับโลก (Global) ในอนาคต
การเข้ามารับช่วงต่อครั้งนี้ ถือว่าเป็นความท้าทายกับทีมคณะผู้บริหารใหม่ทุกคน ที่จะเข้ามาสานต่อนโยบายตามเจตนารมณ์ ของกลุ่มอิศรภักดี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทจนนำพาบริษัทก้าวเข้าสู่มาเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งหลังจากนี้ต่อไปจะเป็นทีมผู้บริหารชุดใหม่ มารับช่วงต่อในการบริหารงานภายในองค์กรทั้งหมด โดยยอมรับ DOD มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการแตกไลน์ธุรกิจ พร้อมทั้งดึงพันธมิตรทางธุรกิจ มาร่วมเป็น Strategic Partner ซึ่งเป็นกลุ่มในประเทศ และ ต่างประเทศ ในการต่อยอดธุรกิจตั้งแต่ปลายปี 61 จนถึงปัจจุบัน
"การเข้ามาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ จะเข้ามาผลักดันผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ มิติ ผ่านการบริหารงานอย่างมืออาชีพ เพื่อต่อยอดธุรกิจดันยอดขาย ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการเปิดโอกาสในการหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เตรียมยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้สามารถขับเคลื่อน ในการผลิตและรองรับออเดอร์ใหม่ๆที่จะเข้ามาได้เพิ่มมากขึ้น "นายธนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมคณะผู้บริหารชุดใหม่ จะยังคงเดินหน้าสานต่อแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดผลการดำเนินงานให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ยอมรับว่าทิศทางธุรกิจปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากยอดออร์เดอร์ ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ จากบริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด (DOD ถือหุ้นอยู่ 80%) ซึ่งดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง
ภายใต้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติทั้งหมด อาทิ One Whey (เวย์โปรตีน) , Levarean (เลวารีน), Prepo Fiber and Detox (เพรโป), Callox (แคลล็อกซ์), Zinegra (ซิเนกร้า) ,DOD H.Coffee (ดีโอดี เอช. คอฟฟี่) และ R3verse Vine (อาร์3เวิสวายน์) โดยล่าสุดมีออร์เดอร์ เข้ามาแล้วมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลรูปร่างและผิวพรรณ,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ
ขณะที่บริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA) ดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และสกินแคร์ แบบครบวงจร ซึ่งเป็นการลงทุนผ่าน บริษัท ดีโอดี เฮ้ลท์ตี้ไลฟ์ จำกัด(DOD ถือหุ้นอยู่ 99.99%) นั้น หลังจากที่บริษัทได้มีการออกแบบ คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายชนิดผลิตภัณฑ์ อาทิ ครีมกันแดด แผ่นมาร์คหน้า ลิปสติก ครีมรองพื้น โฟมล้างหน้า ครีมสครับหน้า โลชั่นกันยุงสำหรับเด็ก ฯลฯ ส่งผลให้ล่าสุด มียอดออร์เดอร์ที่สั่งผลิตในรูปแบบ OEM เข้ามาแล้วคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป