ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 17 กันยายน 2558 ข้อ 4 เฉพาะในส่วนที่กำหนดให้เงินรายได้จากการให้บริการที่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินจะต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าอัตราร้อยละของส่วนแบ่งรายได้ที่ผู้ให้บริการเคยนำส่งภายใต้สัญญาสัมปทาน ณ วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ทั้งนี้ให้มีผลนับแต่วันที่ประกาศมีผลบังคับใช้
คดีนี้ บมจ.กสท โทรคมนาคม และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ได้ยื่นฟ้อง กทสช.ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ศาลมีคำพิพากาษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนข้อ 4 ของประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 17 กันยายน 2558 (ประกาศพิพาท) เนื่องจากข้อ 4 ของประกาศพิพาทไม่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และไม่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันและไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
สำหรับกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีอ้างว่า การกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่จะต้องชำระมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเร่งรัดการโอนย้ายผู้ไช้บริการนั้นเห็นว่าปัญหาของการโอนยายผู้ใช้บริการเกิดขึ้นจากระบบการโอนย้ายเลขหมายของบริษัทศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์ที่ไม่สามารถทำการโอนย้ายได้หมดในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงทำให้มีผู้ใช้บริการคงค้างอยู่ในระบบของผู้ฟ้องคดีเป็นจำนวนมากและเมื่อความบกพร่องดังกล่าวไม่ได้เกิดจากผู้ฟ้องคดี การกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่จะต้องนำส่งเพื่อเร่งรัดการโอนย้ายจึงเป็นมาตรการที่ไม่อาจทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้
นอกจากนี้ เจตนารมณ์ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 94/2557 มีเพียงการให้อำนาจผู้ถูกฟ้องคดีแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ออกกฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการให้ได้รับบริการอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมตรวจสอบได้ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีได้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศพิพาทโดยเพิ่มผู้ตรวจสอบบัญชีในการตรวจสอบรายงานรายได้ของผู้ประกอบการให้มีความรอบคอบรัดกุมยิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยให้การนำส่งเงินรายได้เข้ารัฐเป็นไปอย่างถูกต้องชัดเจนและสอดคล้องรายได้รายจ่ายของผู้ให้บริการที่เกิดขึ้นจริง อันเป็นมาตรการที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประโยชน์สาธารณะตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 94/2557 และเป็นธรรมกับผู้ฟ้องคดีแล้ว
ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องคดีและผู้ฟ้องคดีแย้งในเรื่องของจำนวนรายได้ในช่วงเวลาคุ้มครองผู้ใช้บริการนั้น เมื่อศาลได้วินิจฉัยไปแล้วข้างต้นว่าการกำหนดจำนวนเงินรายได้ที่จะต้องนำส่งรัฐควรติดตามจำนวนรายได้และรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากการประกอบการของผู้ให้บริการในรอบเดือนนั้นๆโดยไม่จำต้องกำหนดจำนวนเงินรายได้ขั้นต่ำที่ผู้ให้บริการต้องนำส่งตามอัตราที่เคยนำส่งตามสัญญาสัมปทาน ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่า ผู้ฟ้องคดีมีกำไรหรือขาดทุนจากการประกอบกิจการในช่วงเวลาคุ้มครองผู้ใช้บริการแต่อย่างใด