(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ราคาน้ำมันพุ่ง ฉุดฮั่งเส็งปิดร่วง 532.59 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 20, 2008 16:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ (20 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ซับไพรม์ของสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้
กระแสข่าวล่าสุดเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ซับไพรม์มีขึ้นหลังจากที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานในวันนี้ว่า บริษัทเคเคอาร์ ไฟแนนเชียล โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่อยู่ในเครือ บริษัทโคห์ลเบิร์ก เครวิส โรเบิร์ตส์ แอนด์ โค (KKR) ซึ่งทำธุรกิจกองทุนร่วมทุน ประกาศเลื่อนเวลาการชำระหนี้ตราสารเชิงพาณิชย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เป็นครั้งที่สอง และได้เริ่มต้นการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้รอบใหม่กับกลุ่มเจ้าหนี้
"ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงอย่างหนักจากกระแสข่าวดังกล่าวเช่นกัน ตลาดหุ้นฮ่องกงได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวดังกล่าวในระยะสั้น และเรากำลังรอปัจจัยบวกจากตลาดต่างประเทศ" นายปีเตอร์ ไหล นักวิเคราะห์จากดีบีเอส วิคเตอร์กล่าว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ราคาน้ำมันปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรก หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดที่โรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ และความวิตกกังวลว่าโอเปคจะปรับลดผลผลิตน้ำมันลง ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกินคาดอาจเป็นปัจจัยที่สกัดกั้นไม่ให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 532.59 จุด หรือ 2.2% ปิดที่ 23,590.58 จุด หลังจากเคลื่อนไหวแตะระดับต่ำสุดที่ 23,481.06 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 8.975 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง
หุ้นกลุ่มอสัมหาริมทรัพย์เป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างพากันเทขายทำกำไร หลังจากที่ฮัง หลุง พร็อพเพอร์ตี้ส์ประกาศว่า ผลกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปีจนถึงเดือนธ.ค.
โดยหุ้นฮัง หลุง พร็อพเพอร์ตี้ส์ ลดลง 1.55 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 4.9% โดยก่อนหน้านี้หุ้นบริษัทนี้ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 16% เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท
ขณะที่หุ้นซิโน แลนด์ ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 5% และหุ้นชวงกง ลดลง 3.20 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
"ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น และอาจจะทำให้เฟดไม่ลดดอกเบี้ยลงอีก" ฟรานซิส ลุน ผู้จัดการทั่วไปฟูลไบรท์ ซิเคียวริตี้ส์กล่าว
เฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยไปแล้วรวม 2.25% นับตั้งแต่เดือนก.ย.ของปีที่ผ่านมา เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในเอเชียและยุโรปซบเซาลงไปด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้เทขายหุ้นฮ่องกง หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของจีนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 11 ปีในเดือนที่แล้ว ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางจีนอาจคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มเติมโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือปรับขึ้นเพดานสำรองเงินฝากธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติม หรือทั้งสองอย่าง
หุ้นอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า ลดลง 16 เซนต์ หรือ 3% และหุ้นแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ร่วงลง 45 เซนต์ หรือ 4.6%
หุ้นไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคัล คอร์ป หรือ ซิโนเปค ซึ่งเป็นผู้กลั่นน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของเอเชีย ร่วงลง 44 เซนต์ หรือ 4.8% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากส่วนต่างที่สูงขึ้นระหว่างราคาน้ำมันดิบต่างประเทศและราคาน้ำมันที่ถูกควบคุมราคาในจีน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ