นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีนแ (PRM) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/62 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/62 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีการใช้บริการขนส่งเพิ่มมากขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นส่งผลบวกต่อการปรับขึ้นราคาในการให้บริการแก่ลูกค้าได้ อีกทั้งยังมีความต้องการใช้บริการขนส่งในตลาดอยู่มาก โดยเฉพาะการใช้บริการเรือเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ (FSU)
ขณะที่ธุรกิจ FSU ในช่วงครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้จากเรือที่ให้บริการรวมทั้งหมด 8 ลำ หลังจากได้เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่เดือนก.ค.และส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการขนส่งและกักเก็บน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีอัตราใช้งานเต็ม 100% หลังจากที่กฎเกณฑ์ IMO 2020 ซึ่งกำหนดให้ใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค 63 รวมทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราค่าใช้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถเก็บเกี่ยวรายได้เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของ Big Sea ยังมีการเติบโตตามอย่างต่อเนื่องตามที่บริษัทได้ทำข้อตกกับ Big sea เอาไว้ และในต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านได้เข้าถือหุ้น Big Sea เพิ่มอีก 10% เป็น 80% ทำให้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายบริษัทจะมีผลการดำเนิงานจาก Big sea เข้ามาหนุนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้ที่ยังมีการเติบโตสูงกว่าปีก่อน และมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะโตตามเป้าที่ตั้งไว้ 10-15% ส่วนการเข้าถือหุ้น Big Sea เพิ่มอีกนั้นวางแผนจะซื้อในส่วนที่เหลืออีก 10% ต่อปี จนครบ 100% ในช่วงกลางปี 64
"ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีปีหนึ่งของบริษัทในการสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายขนาดกองเรือและการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับทิศทางตลาด ทำให้บริษัทสามารถเก็บเกี่ยวรายได้สูงสุดจากการดำเนินงาน ซึ่งจะผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้"นายวิริทธิ์พล กล่าว
ส่วนงบลงทุนในปีนี้ที่ตั้งไว้ 6 พันล้านบาท ปัจจุบันได้ใช้ไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท สำหรับการขยายขนาดกองเรือ โดยที่งบลงทุนที่บริษัทยังไม่ได้ใชนั้นจะนำไปเน้นการซื้อเรือเล็กที่เป็นเรือมือสองเข้ามาเสริมการให้บริการ ส่วนการซื้อเรือ FSU เพิ่ม ปัจจุบันยังไม่มีการวางแผนซื้อเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับอัตราค่าเช่าและความต้องการที่เหมาะสมต่อการขยายขนาดกองเรือ FSU เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
สำหรับการขายหุ้น Big Lot จำนวน 36.95 ล้านหุ้น ราคา 9 บาท สูงกว่าราคากระดานในเมื่อวานนี้ เป็นการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ต่างชาติที่ขายให้กับนักลงทุนสถาบันที่สนใจเข้ามาลงทุนในบริษัท ซึ่งการที่นักลงทุนสถาบันมีความสนใจซื้อหุ้นของบริษัท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มของการเติบโตของบริษัท และศักยภาพในการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต