ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นการเงิน ทุบฟุตซี่ปิดร่วง 73.3 จุด

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) จากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากบริษัทอัลไลอันซ์ แอนด์ ลีเซสเตอร์ รายงานผประกอบการที่น่าผิดหวัง 
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 73.3 จุด แตะระดับ 5,893.6 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 5,847.4-5,966.9 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.6 พันล้านหุ้น
          นายฟิลิป ลอว์เลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพยโนมูระในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "ตลาดได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากผลประกอบการของอัลไลอันซ์ แอนด์ ลีเซสเตอร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐหลังจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด"
          กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนม.ค.พุ่งขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ขณะที่ดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
          หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากบริษัทอัลไลอันซ์ แอนด์ ลีเซสเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยว่ากำไรในปี 2550 ร่วงลง 29% ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สูญและการขาดทุนในตลาดซับไพรม์ 
          ทั้งนี้ หุ้นอัลไลอันซ์ แอนด์ ลีเซสเตอร์ ดิ่งลง 36 เพนซ์ ปิดที่ 492 เพนซ์ หุ้นธนาคาร HBOS ปรับตัวลง 12.5 เพนซ์ ปิดที่ 646 เพนซ์ หุ้นธนาคารลอยด์ ทีเอสบี รูดลง 4 เพนซ์ ปิดที่ 428 เพนซ และหุ้นแบรดฟอร์ด แอนด์ บิงลีย์ ร่วงลง 1.5 เพนซ์ ปิดที่ 181 เพนซ์
          ส่วนหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นแองโกล อเมริกัน ดีดขึ้น 14 เพนซ์ ปิดที่ 3,161 เพนซ์ หลังจากบริษัทได้รับสัมปทานใหม่ในการดำเนินงานที่แอฟริกาใต้ ขณะที่หุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวกขึ้น 57 เพนซ์ แตะระดับ 3,946 เพนซ์ เนื่องจากกระแสข่าวการควบรวมกิจการกับบริษัทเหมืองรายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง