ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.พ.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ และสำนักงานคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด ระบุว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 1 ดอลลาร์เนื่องจากสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นนั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 142.96 จุด หรือ 1.15% แตะระดับ 12,284.30 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 17.50 จุด หรือ 1.29% แตะระดับ 1,342.53 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 27.32 จุด หรือ 1.17% แตะระดับ 2,299.78 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.4 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.3 พันล้นหุ้น
เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตในเขตมิดแอตแลนติกร่วงลงหนักสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรงและมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
นายไบรอัน เจนดรู นักวิเคราะห์จากไอเอ็นจี อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์กล่าวว่า "ข้อมูลภาคการผลิตและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้สนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมวันที่ 18 มี.ค.นี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ ซึ่งการลดดอกเบี้ยแม้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น แต่อีกด้านหนึ่งนั้นนักลงทุนมองว่าการที่เฟดลดดอกเบี้ยหลายครั้งติดต่อกันถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่"
"นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลหลังจากที่เฟดประกาศลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้เฟดให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปก็ตาม" นายเจนดรูกล่าว
ทั้งนี้ เฟดประกาศลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงในปีนี้ เนื่องจากภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ยังคงส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาคธุรกิจ โดยเฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวที่ระดับ 1.3-2% ในปี 2551 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.8-2.8%
เฟดระบุว่า "เนื่องจากตลาดการเงินและตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่มีเสถียรภาพ คณะกรรมการเฟดจึงเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง แม้ว่าเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ เฟดคาดว่าอัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 5.2-5.3% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.9% ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.8-2.1% ในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง" เฟดระบุ
เฟดกล่าวว่า การปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2551 นั้นมาจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการปรับฐานลงของตลาดที่อยู่อาศัย ภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ คุณภาพสินเชื่อ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และตลาดการเงินที่ยังคงผันผวน
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ดิ่งลง 4.9% หลังจากจีเอ็มเอซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของจีเอ็มและทำธุรกิจด้านการปล่อยกู้ กล่าวว่า บริษัทเตรียมลดจำนวนพนักงานในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดิ่งลง 1.47 ดอลลาร์ แตะระดับ 98.23 ดอลลาร์ต่อบาร์ หลังจากพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์เมื่อวันก่อน โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.8% ซึ่งฉุดดัชนี S&P กลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.1%
ส่วนหุ้นเอ็มบีไอเอร่วงลง 2.3% หลังจากนายวิลเลียม อาร์แมน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยื่นคัดค้านแผนการแยกธุรกิจ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ดิ่งลง 1.8%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--