นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการปล่อยข่าวลือทางโซเชียลมีเดียที่สร้างผลกระทบต่อราคาหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ว่า หลังจากที่ GULF ชี้แจงข้อมูลกับตลท.เข้ามาแล้ว ตลท.ก็ได้ส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินการตรวจสอบที่มาของข่าวลวงที่มีวัตถุประสงค์สร้างผลกระทบเชิงลบผลต่อราคาหุ้น GULF
ขณะที่ ตลท.แนะนำให้นักลงทุนควรรับข้อมูลข่าวสารอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาข้อมูลที่ได้รับมาว่ามีความน่าเชื่อถือมากหรือน้อยเพียงใด เนื่องจากปัจจุบันการเผยแพร่ข้อมูลชข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียถือเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมมาก แต่นักลงทุนควรจะต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ซึ่งไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบอาจส่งผลกระทบในเชิงลบได้
"การรับข้อมูลต่างๆในตอนนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังและคำนึงถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูลอย่างมาก โดยเฉพาะข้อมูลที่มาจากโซเชียลมีดียที่อาจะสร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นได้ รวมถึงตัวสื่อเองที่เป็นผู้เผยแพร่ข้อมูล เมื่อรับข้อมูลมาแล้วก็ควรพิจารณาดูว่ามีความน่าเชื่อถือของข้อมูลและแหล่งที่มาด้วย ซึ่งตรงนี้ก็อยากให้นักลงทุนและสื่อระมัดระวัง เพราะโดยปกติข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากทางบริษัทจดทะเบียน จะเป็นข่าวที่ทางบริษัทจดทะเบียนแจ้งมาให้กับทางตลาดหลักทรัพย์ทราบ และตลาดหลักทรัพย์ก็นำไปเผยแพร่ต่อให้นักลงทุนทราบ"นายภากร กล่าว
ส่วนเหตุการณ์โจมตีกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันในซาอุดิอาราเบียนั้น นายภากร กล่าวว่า ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนต่อระบบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ในด้านของตลาดหุ้นอาจจะมีผลกระทบต่อบางอุตสาหกรรมในเชิงลบ และบางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบในเชิงบวก ซึ่งต้องพิจาณาอีกทีว่ากลุ่มอุตสาหกรรมใดได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวเป็นแบบใดบ้าง ซึ่งนักลงทุนจะต้องนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน