(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้มีโอกาสปรับลงตามภูมิภาค หลังราคาน้ำมันพุ่งหวั่นกระทบศก.,เผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 17, 2019 09:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นทำให้เป็นห่วงจะกระทบเศรษฐกิจ และยังมีความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ จากที่สหรัฐฯอาจจะโจมตีอิหร่าน

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราคงจะแกว่งแคบในช่วงรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะประชุม 17-18 ก.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้ตลาดฯมองว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพราะราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นสูง อาจจะทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งขึ้นได้ ดังนั้น ช่วงนี้ตลาดฯคงจะเทรดไปวัน ๆ รอลุ้นปัจจัยที่จะออกมา โดยหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมียังเด่นอยู่จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นไป แต่พวกกลุ่มสายการบิน, รับเหมาฯ, ค้าปลีก อาจจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ขึ้นไปทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

พร้อมให้แนวรับ 1,655 จุด ส่วนแนวต้าน 1,666-1,675 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,076.82 จุด ลดลง 142.70 จุด (-0.52%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,997.96 จุด ลดลง 9.43 จุด (-0.31%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,153.54 จุด ลดลง 23.17 จุด (-0.28%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 40.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 181.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.50 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 8.67 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.ย.62) 1,662.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด (+0.06%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,074.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2562
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.ย.62) ปิดที่ 62.90 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 8.05 ดอลลาร์ หรือ 14.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.ย.) อยู่ที่ 9.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.54/58 อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ ทิศทางแกว่งแคบรอผลประชุมเฟด-กนง.,มองกรอบวันนี้ 30.50-30.63
  • "สนธิรัตน์" ถก กบง.นัดพิเศษ วันนี้ จ่อดึงเงินกองทุนน้ำมันอุ้มราคาขายปลีก รับมือโจมตีในซาอุฯ ดันราคาขยับ 1 บาท มั่นใจเงินสะสมพอเกือบ 4 หมื่นล้านบาท ชี้สต็อกในประเทศสำรองใช้ได้ 54 วัน แอลพีจีใช้ได้ 23 วัน เล็งซ้อมรับมือ 19 ก.ย.นี้ "พาณิชย์" ป้องกันฉวยขึ้นราคาสินค้า คาดไม่กระทบเงินเฟ้อ
  • บาทแข็งดันคนไทยแห่เที่ยวนอกไฮซีซั่น ทัวร์เอาท์บาวด์เร่งโปรโมทแพ็คเกจทัวร์อังกฤษ-ยุโรป ดึงคนไทยเที่ยวช็อปของถูก รับอานิสงส์ปอนด์-ยูโรอ่อนยวบ ด้านญี่ปุ่นเนื้อหอมไม่หยุด "เจเอ็นทีโอ" คาดการณ์คนไทย พาเหรดเที่ยวแดนปลาดิบปีนี้ 1.27 ล้านคน "ทีทีเอเอ" ชี้แนวโน้มไทยเที่ยวนอกปีนี้แตะ 11 ล้านคน
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการขยายตัวสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2562 จะขยายตัวราว 4.5% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 5.0% โดยสินเชื่อขยายตัวดีในช่วงครึ่งปีแรก 2562 แต่ช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อชะลอลงตามทิศทางเศรษฐกิจขาลง และมีปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสินเชื่อรายย่อยผู้บริโภคซื้อลดลงและก่อหนี้เพิ่มลดลงจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ด้านคุณภาพสินเชื่อ การเร่งปล่อยสินเชื่อไปก่อนหน้านี้ ทั้งสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอาจจะเริ่มมีผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อกลุ่มนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นช่วงที่ผ่านมา
  • สมาคมธนาคารไทยเล็งทบทวน "โปรโมชั่นผ่อน 0% เที่ยวก่อน จ่ายทีหลัง" รับเป็นอีกสาเหตุกระตุ้นใช้จ่าย ทำคนไทยฟุ่มเฟือย ใช้เงินเกินตัว ดันยอดหนี้ครัวเรือนพุ่งพรวด ด้านธปท.วิตกหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งไม่หยุด ชี้ปล่อยกู้กลุ่มเดิม เบี้ยวหนี้ทำแบงก์ล้ม-กระทบเศรษฐกิจ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • RJH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 32.2 บาท เป็นโรงพยาบาลขนาดกลางถึงเล็กที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นที่สุดในปีนี้ โดยตลาดส่วนใหญ่คาดกำไรสุทธิปี 62 ประมาณ 350 -380 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50-60% yoy ขณะที่ PE ซื้อขายเฉลี่ยที่ระดับ 20 เท่า ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 25-30 เท่า
  • INTUCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 78.50 บาท จาก Dividend yield ที่คาด 4.5-4.8% ในปี 2562-2563 สูงกว่า ADVANC (ต่ำกว่า 4%) PE และ PBV ถูกกว่า แต่ได้ประโยชน์จากกำไรของ ADVANC ใน H2/62 ที่จะดีกว่า H1/62 จากการแข่งขันที่บรเทาลง ขณะที่การประมูล 5G ปีหน้าไม่กดดันเหมือน 4G
  • RATCH (เคทีบีฯ) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 75 บาท โดย RATCH กำลังหาจังหวะการเปิดตัวผู้ร่วมทุนทางยุทธศาสตร์เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เป็นสัมปทานและมีรายได้มั่งคงในไม่ช้านี้ ซึ่งจะทำให้เห็นโอกาสและศัยกภาพในการเติบโตในอนาคตของ RATCH ด้านราคาหุ้นที่ปรับลงมาจากกรณีการฟ้องร้องคดีหงสายังต้องใช้เวลาพิจารณาของศาลอีกนานเป็นปี ดังนั้น เชื่อว่าราคาหุ้นมี Upside จากการเติบโตของกำไรที่จะทำ All time high ปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ RATCH ได้ PPA แล้ว 1,900 MW จากโครงการ IPP ใหม่ 1,400MW และ 214MW โรงไฟฟ้าลมในออสเตรเลีย/โรงไฟฟ้าเอสพีพี 110MW นวนคร อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในคดีหงสา กรณีแย่สุดน่าจะเหมือบกับกรณีบ้านปูที่สุดท้ายต้องจาก 2 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5 บาทต่อหุ้นของ RATCH ถือว่ากระทบน้อยมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ