หุ้น JASIF ลบ 0.88% มาอยู่ที่ 11.20 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 156.74 ล้านบาท
หุ้น JTS ลบ 2.99% มาอยู่ที่ 1.30 บาท ลดลง 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 17,300 บาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งราย นายพิชญ์ โพธารามิก และ นายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 59.10 ล้านบาท
ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-12 ต.ค.59 นายพิชญ์ได้ร่วมกับนายเกริกไกรซื้อหุ้น JTS ซึ่ง บมจ.จัสมินอินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ถือหุ้นใน JTS ร้อยละ 32.8 โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายเกริกไกร ก่อนที่จะมีการเปิดเผยงบการเงินไตรมาสที่ 3 ประจำปี 59 ที่มีผลกำไร 21.39 ล้านบาท พลิกกลับจากที่มีผลขาดทุนมาตลอดตั้งแต่ปี 57 และเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์
โดยที่ผลกำไรของ JTS ดังกล่าว เกิดจากการที่ JTS ได้รับการว่าจ้างงานจาก บมจ.ทริปเปิล ที บรอดแบนด์ (TTTBB) ซึ่ง JAS ถือหุ้นใน TTTBB ผ่านบริษัท อคิวเมนท์ จำกัด ร้อยละ 99 ซึ่งนายพิชญ์ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ และนายพิชญ์ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของ JAS ที่ให้นโยบายในการว่าจ้างงานภายในกลุ่มด้วย นายพิชญ์จึงอยู่ในฐานะที่ล่วงรู้ข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์ของ JTS
การกระทำข้างต้นของนายพิชญ์และนายเกริกไกร จึงเป็นการซื้อหุ้น JTS โดยใช้ข้อมูลภายใน อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด
ด้าน JAS ระบุว่าได้รับหนังสือแจ้งการลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของนายพิชญ์ โพธารามิก แม้จะยังไม่ได้รับทราบในรายละเอียดจาก ก.ล.ต. ในเรื่องดังกล่าวแต่เพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี จึงได้ขอลาออกและให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2562 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างจัดประชุมคณะกรรมการเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งแทนนายพิชญ์ โพธารามิก
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงการดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้แต่อย่างใด
สำหรับบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองว่ากรณีดังกล่าวเป็น Negative sentiment ต่อข่าว ก.ล.ต กล่าวโทษผู้บริหารระดับสูง กดดันราคาหุ้น JAS และ JASIF ในระยะสั้น เนื่องจากการกล่าวโทษ ผู้บริหารระดับสูง JAS จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณะบริษัทแย่ลงกว่าเดิม
พร้อมคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ JAS มองว่าระยะสั้นราคาหุ้น JAS และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) มีแนวโน้มเหวี่ยงตัวลงและผันผวน ประกอบกับถึงแม้ประเด็นดังกล่าวจะไม่กระทบปัจจัยพื้นฐาน JAS ในระยะสั้น แต่มองว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารอาจส่งผลต่อการดำเนินงานธุรกิจในระยะยาว ประกอบกับภาพลักษณ์องค์กรที่แย่ลง อาจส่งผลให้ต้นทุนการเงินสูงขึ้น (JAS มีต้นทุนการเงินเฉลี่ย 5%) และมีผลต่อต้นทุนเงินทุนของกิจการในระยะยาว (WACC)
โครงสร้างเงินทุน ณ 6M62 ของ JAS เงินสดราว 1,037 ล้านบาท มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยมูลค่ารวม 9,187 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้สินระยะสั้นสถาบันการเงิน 2,703 ล้านบาท และหนี้สินระยะยาว 4,602 ล้านบาท รวมทั้งมีอัตราหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/Equity) ที่ 0.48 เท่า
ปัจจุบัน TTTBB มี JAS ถือหุ้น 99% อยู่ระหว่างขายทรัพย์สินใยแก้วนำแสงเพิ่มเติมครั้งที่ 1 มูลค่าราว 38,000 ล้านบาท ให้กับ JASIF เชื่อว่าเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินดังกล่าว จะนำไปใช้ชำระหนี้บางส่วน รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนและจ่ายเป็นเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น