นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเลื่อนการส่งแผนจัดซื้อเครื่องบิน จำนวน 38 ลำ วงเงิน 1.56 แสนล้านบาท ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกไปเป็นเดือน ต.ค.62 จากเดิมคาดว่าจะเสนอได้ในเดือน ก.ย.นี้ เนื่องจากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เข้ามาเป็นผู้กำกับดูแลมีคำถามเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมเข้ามา บริษัทจึงต้องนำกลับมาพิจารณาให้รอบคอบก่อนนำเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทในรอบแรก และจะพิจารณาอีกครั้งในการประชุมนัดถัดไปวันที่ 24 ก.ย.62 พร้อมพิจารณาการเช่าเครื่องบิน 3 ลำด้วย
"รัฐมนตรีถาวรได้มีคำถามมา 2 รอบ เราได้เตรียมคำตอบแต่ต้องผ่านคณะกรรมการบริษัท ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมการได้ดูไปรอบแรก และได้มีข้อสังเกต และดูให้รอบคอบ ให้มีความครบถ้วน ที่จะตอบทางคมนาคมเพิ่มเติม ก็ได้นำมาเพิ่มเติมรายละเอียดและจะได้เสนอกลับเข้าไปยังคณะกรรมการบริษัท เดิมเราตั้งใจจะให้เสร็จทุกอย่างภายในเดือนนี้ ก็ดูเหมือนว่าต้องขยับไปอีก 1 เดือน ...จะเข้าบอร์ดสัปดาห์หน้า ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมก็ส่งคมนาคมได้" นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ กล่าวว่า แผนการจัดหาเครื่องบินยังคงเดิม วงเงินเท่าเดิม การจัดซื้อแบ่งเป็นเฟส 1 และเฟส 2 ดังนั้น การที่ไม่เปลี่ยนแปลงข้อมูลทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นำเสนอเรื่องไปที่ ครม.ชุดเดิม แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็เป็นภาระและความรับผิดชอบของ ครม.ชุดใหม่ ซึ่งอาจมีคำถาม หรือเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย แต่หากเห็นด้วยกับแผนเดิมก็ไม่ต้องผ่านคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. )อีก เพราะถือว่าได้พิจารณาแล้ว แต่หากไม่เหมือนเดิมก็ต้องพิจารณาว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ถ้าเปลี่ยนแปลงวงเงิน เมื่อแบบเครื่องบินเปลี่ยน ซึ่งก็ต้องกลับมาให้พิจารณาตามขั้นตอนสศช.ใหม่ โดยรอบที่แล้วใช้เวลาพิจารณา 1-2 เดือน
ทั้งนี้ รมช.คมนาคม รับทราบกรอบการจัดหาเครื่องบิน แต่ขณะเดียวกันก็มีคำถามเกี่ยวกับเครื่องบินลำตัวแคบว่าบริหารอย่างไร การมีเครื่องบินชนิดนี้จะแข่งขันกับสายการบินอื่นได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ การบินไทยถูกเบียดตลาดแรงมาก ดังนั้น จึงต้องมีคำตอบเพื่อให้ผู้อนุมัติมั่นใจเพราะมีหน้าที่ตอบสภาฯ และประชาชน ดังนั้น จึงต้องรอบคอบ
ส่วนความคืบหน้าการขายเครื่องบิน 8 ลำ วงเงิน 4 พันล้านบาทนั้น ขณะนี้ทางผู้ซื้อคาดจะสรุปภายในสัปดาห์นี้ แต่หากล่วงเลยเวลา บริษัทจะกำหนดระยะเวลาเพื่อให้ได้ข้อสรุปอีกครั้ง
นายสุเมธ กล่าวว่า สำหรับทิศทางผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/62 ในด้านอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) นับว่าดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพราะบริษัทได้จัดรายการส่งเสริมการตลาด หรือแคมเปญมาก และได้รับผลตอบรับดี
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4/62 แม้จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว แต่บริษัทก็ยังกังวลต่อทิศทางของค่าเงินบาทที่แข็งค่าและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ ขณะที่ราคาน้ำมันแม้จะมีการทำประกันความเสี่ยงไว้ระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็จะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ดีหากราคาน้ำมันสูงขึ้นมากก็อาจจะต้องเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Surcharge) เพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ในวันนี้ การบินไทยและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมลงนามความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาบุคลากร เพื่อพัฒนาบุคลากรของ 2 หน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนวิทยากร ด้านการพัฒนาผู้ประกอบการ และด้านการสร้างโอกาสด้านการค้าระหว่างประเทศ เพื่อต่อยอดสู่ช่องทางออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ
นายสุเมธ กล่าวว่า ความร่วมมือเรื่องอีคอมเมิร์ซ จะช่วยส่งเสริมสินค้า OTOP ผ่านสายการบินไทยที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง เพราะมีผู้โดยสารราว 20 ล้านคนที่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ และเป็นลูกค้าระดับ B+ โดยคาดว่าใช้เวลาพัฒนาแพลตฟอร์ม และเริ่มให้บริการในเดือนเม.ย. 63 ถือเป็นการขยายเฟส 2 หลังจากที่การบินไทยจะเปิดตัวขายสินค้า ออนไลน์ในปลายเดือนต.ค.นี้