กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT) เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม จากบริษัท ซีที ศูนย์กระจายสินค้า จำกัด (ซีที) มูลค่าลงทุน 665 ล้านบาท ประกอบด้วย กรรมสิทธิ์ในที่ดินรวมพื้นที่ประมาณ 23 ไร่ 3 งาน 25.6 ตารางวา และกรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Storage) รวมถึงสำนักงาน อาคารที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ อันเป็นส่วนควบของที่ดินและอาคารคลังสินค้าดังกล่าว รวมพื้นที่ประมาณ 19,692 ตารางเมตร ตั้งอยู่ที่อำเภอ วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (FIRM) ในฐานะผู้จัดการ FTREIT เปิดเผยว่า การเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมในครั้งนี้ เป็นการลงทุนในลักษณะการขายและการเช่ากลับคืน (Sale-and-Leaseback) ระยะยาว 12 ปี ซึ่งรูปแบบการขายและเช่ากลับนั้นทำให้กองมีรายได้จากการให้เช่าสม่ำเสมอ และมีสัญญาเช่าระยะยาว
นอกจากนั้นการลงทุนในครั้งนี้เป็นการลงทุนในทรัพย์สินนอกกลุ่มซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของผู้จัดการกองทรัสต์ในการที่จะสร้างความเติบโตให้กับกองโดยเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพจากทั้งกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ และ จากกลุ่มบุคคลอื่น ขณะที่ที่ตั้งของสินทรัพย์ดังกล่าว ยังเป็นทำเลยุทธศาสตร์ในการประกอบธุรกิจคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Storage) และมูลค่าการลงทุนอยู่ในระดับที่เหมาะสม
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ FTREIT ได้ใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมเงินระยะสั้น วงเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 700 ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบของวงเงินกู้ยืมและเป็นไปตามเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงินที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ประจำปี 2562 โดยผู้จัดการกองทรัสต์จะพิจารณาการชำระเงินกู้ยืมระยะสั้น โดยใช้เงินจากการออกหุ้นกู้ และ/หรือ เงินกู้ยืมระยะยาว และ/หรือ เงินทุนจากการเพิ่มทุน และ/หรือ เงินสดของกองทรัสต์
นายพีระพัฒน์ กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ ก็จะมุ่งสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตให้กับกองทรัสต์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมวางแผนเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูง ทั้งจากภายในและนอกกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ส่งผลให้ปัจจุบัน FTREIT มีทรัพย์สินที่เป็นโรงงานและคลังสินค้าภายใต้การบริหารงาน (AUM) รวมทั้งสิ้น 548 ยูนิต
ทั้งนี้ หลังจากการลงทุนใน Cold Storage สัดส่วนทรัพย์สินที่ถือครองสิทธิ์มีประมาณ 73% และสิทธิการเช่าประมาณ 27% โดยเป็นทรัพย์สินที่ล้วนตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศไทย อาทิ อยุธยา ปทุมธานี สมุทรปราการ และพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งยังเป็นทรัพย์สินที่มาพร้อมผู้เช่าที่เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ ธุรกิจโลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) หลังการเข้าลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 82%
"ด้วยการบริหารจัดการที่มีศักยภาพ ทำให้บริษัทเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ครองสถานะกองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการ รวมทั้งสิ้นกว่า 36,000 ล้านบาท"นายพีระพัฒน์ กล่าว