ก.ล.ต.ตรวจสอบกรณีปล่อยข่าวทุบหุ้น GULF ,วางกรอบ 10 วัน"พิชญ์"รับทราบข้อกล่าวหาอินไซเดอร์ JTS

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 17, 2019 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังได้รับเรื่องร้องเรียนการปล่อยข่าวลือทางโซเชียลมีเดียที่สร้างผลกระทบต่อราคาหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากพบว่ามีความผิดทางกฎหมาย จะดำเนินการในคดี โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และเปรียบเทียบปรับ และขอเตือนนักลงทุนให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลให้ชัดเจน ก่อนจะใช้ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อราคาหุ้น โดยข้อมูลที่ถูกต้องจะต้องมาจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือมาจากทางบริษัทโดยตรง หรือต้องมาจากสื่อที่มีความน่าเชื่อถือ

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากราคาหุ้น GULF ปรับตัวลงแรงเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหลังมีการปล่อยข่าวทางโซเชียลมีเดีย ถึงฐานะการเงินของบริษัท แต่ต่อมาบริษัทได้ปฏิเสธข่าวและระบุว่าจะร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงาน ก.ล.ต.ให้สอบสวนต่อไป

ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่งต่อนายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล และนายพิชญ์ โพธารามิก ผู้บริหารของบมจ.จัสมินอินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 32.8% ในบมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) ได้ใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น JTS โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์รวม 59.10 ล้านบาท พร้อมทั้งห้ามการดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) นั้น นายศักรินทร์ กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้วางกรอบระยะเวลา 10 วัน นับจากเมื่อวานนี้ที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต.ดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด ทั้ง 2 รายมารับทราบข้อกล่าวหา หรือทำบันทึกยินยอมการกล่าวโทษและยินยอมชำระค่าปรับทางแพ่งฯ

ทั้งนี้ หากไม่มาตามระยะเวลาที่กำหนด ก.ล.ต.จะดำเนินการฟ้อง โดยเรียกค่าเสียหายสูงสุด หรือคิดเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินที่เรียกปรับ ขณะเดียวกันก็เตรียมดำเนินการแจ้งไปยังนายพิชญ์ ว่ามีลักษณะของผู้ที่ขาดความน่าไว้วางใจ และห้ามนายพิชญ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือผู้บริหารที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนฯ

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายพิชญ์ ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ของ JAS และตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการ ของ บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ