นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ. บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) คาดว่า ผลประกอบการของ TRUE ในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ชะลอตัว หลังจากหลายธุรกิจเริ่มกลับมาทำกำไรมากขึ้น ได้แก่ ธุรกิจมือถือ ธุรกิจบรอดแบนด์ที่สามารถขยายโครงข่ายแบบเคเบิ้ลได้ครอบคลุมมากขึ้น
ขณะที่บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าประมูลคลื่นรองรับระบบ 5G ในต้นปี 63 เนื่องจากมองว่า 5G จะเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ อย่าง IoT Entertainment และคาดว่าจะนำมาใช้เชิงพาณิชย์อย่างเร็วในปลายปี 63 หรือต้นปี 64
พร้อมกันนั้นได้มีการพัฒนาธุรกิจแพลตฟอร์มเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย โดย TRUE ได้เริ่มขยายแพลตฟอร์ม TrueID ในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และแพลตฟอร์ม TrueMoney Wallet ที่ได้ขยายไป 5 ประเทศในอาเซียนแล้ว โดยวางเป้าหมายภายใน 3 ปี TRUE จะเป็น Regional Company ของอาเซียน
ทั้งนี้การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศจะเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น
"ผมคิดว่า กลุ่ม TRUE อยู่ในจุดที่ค่อนข้างดี อาจจะเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ช่วงเริ่มทำกำไร การเติบโตอาจจะดูเหมือนว่าครึ่งปีแรกจะชะลอตัวไปบ้าง แต่จริงๆแล้วชะลอบางเรื่องแต่พอครึ่งปีหลังจะ pick up กลับขึ้นมา จากทั้งบรอดแบนด์ ทั้งมือถือ...ทั้ง Digital Intensive ที่เรามี เช่น TrueID มันมาแล้ว หลายอย่างมันเสร็จพร้อมกันหมด Vision ของเรามองว่า Digital Infrastructure ใหม่ก็คือ Platform ฉะนั้นถ้าเราก้าวขึ้นมาเป็น Digital Platform แล้วน่าที่จะขยายออกจากประเทศไทยได้ง่าย เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ไลเซ่นส์ คลื่นความถี่ หรือเงินทุนมหาศาล ดังนั้น Next Step ของ TRUE จะควรจะต้องไป Regional Player ทั้งอาเซียน และเอเชีย เราพูดถึงแผน 3 ปี 5 ปี"นายศุภชัย กล่าว
นอกจากนี้ ในเอเชีย TRUE เตรียมรุกตลาดอินเดียและปากีสถาน โดยใช้แพลตฟอร์ม TrueID , TrueMoney ส่วนตลาดในจีนและเกาหลีใต้จะขยายต่อไปในอนาคต ซึ่งในจีนเตรียมขยายบางเรื่อง คือ Hotel Platform ซึ่ง TRUE ได้ร่วมลงทุนกับ Crave บริษัทในอังกฤษ ด้วยเงินลงทุน 25 ล้านดอลลาร์ ถือ 60-70% เพราะเห็นเป็นธุรกิจอนาคตที่มีโอกาสเติบโต
นายศุภชัย กล่าวถึง ทรู ดิจิทัล พาร์ค ว่า จะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรกในไทยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศไทย โดยเปิดตัวในเฟสแรกที่สามารถรองรับนวัตกรรม Start up ผู้ประกอบการ ด้านเทคโนโลยี ได้ประมาณ 1 หมื่นคน และเฟสที่ 2 จะรองรับเพิ่มเป็น 2.5 หมื่นคนในต้นปี 64 มีพื้นที่มากกว่า 1 แสนตร.ม. จะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิค
ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์คจะมีบรรยากาศ Ecosystem ที่มีการแบ่งปันแนวคิดความรู้ประสบการณ์ และเห็นว่าภาครัฐควรให้สิทธิพิเศษเพื่อสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
"ทรู ดิจิทัล. พาร์ค จะเป็น Hub หรือ Center ในไทย มี infrastructure ที่สามารถจุได้ 2.5 หมื่นคนไม่แพ้ใคร "นายศุภชัยกล่าว
นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค มีพันธกิจหลักในการเสริมสร้างศักยภาพของสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยีให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด "One Roof, All Possibilities - ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้" ท่ามกลางบรรยากาศที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม
พร้อมด้วยการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพในทุกมิติ ตั้งแต่การแลกเปลี่ยนถ่ายเทองค์ความรู้ โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลแพลตฟอร์มรองรับธุรกิจดิจิทัล การส่งเสริมจากองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ การส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐในการจัดตั้งและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่จะต่อยอดโอกาสการเติบโตของธุรกิจ