โบรกฯแนะ"ซื้อ" PRM มองรับผลบวกเกณฑ์ใหม่ IMO หนุนการใช้เรือ FSU เพิ่ม ,ผลงาน Q3/62 ทำนิวไฮรับช่วงไฮซีซั่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 18, 2019 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.พริมา มารีน (PRM) รับปัจจัยหนุนเกณฑ์ใหม่ IMO2020 ที่ให้ลดสัดส่วนกำมะถันในน้ำมันเตาในเรือเดินทะเลเหลือ 0.5% จากเดิม 3.5% ตั้งแต่ปี 63 ซึ่งจะช่วยหนุนการใช้เรือเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันเตา (Floating Storage Unit:FSU) เพิ่มขึ้น ซึ่ง PRM ก็เริ่มเน้นการดำเนินธุรกิจเรือประเภทมากขึ้น โดยจะรับมอบเรือ FSU เพิ่มอีก 2 ลำในไตรมาส 3/62 เพื่อรองรับการใช้บริการได้เพิ่มขึ้น

ประกอบกับ ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีการใช้บริการขนส่งมาก ก็จะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 ทำระดับสูงสุดใหม่ รวมถึงการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 10% ใน Big Sea เป็นระดับ 80% ที่แล้วเสร็จในช่วงไตรมาสนี้ ก็จะทำให้รับรู้รายได้และกำไรของ Big Sea เข้ามามากขึ้น และผลักดันให้แนวโน้มกำไรปี 62 มีโอกาสเข้าใกล้ 1 พันล้านบาท

พักเที่ยงราคาหุ้น PRM อยู่ที่ 8.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.58% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.38%

          โบรกเกอร์                       คำแนะนำ                 ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ                    ซื้อ                        13.20
          ทิสโก้                              ซื้อ                        10.80
          กสิกรไทย                           ซื้อ                        10.60
          เคทีบี (ประเทศไทย)                  ซื้อ                        10.50
          ฟินันเซีย ไซรัส                       ซื้อ                        10.00

นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 ของ PRM จะมีกำไรเติบโตโดดเด่น หลังรับมอบเรือ FSU จำนวน 2 ลำ และเรือบรรทุกขนาดเล็กสำหรับการขนส่งในประเทศอีก 1 ลำ ทำให้มีขนาดกองเรือเพิ่มขึ้น อีกทั้งอัตราการใช้เรือยังอยู่ไนระดับสูงที่ 90% จากความต้องใช้บริการเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ PRM ยังเข้าถือหุ้นเพิ่มในบริษัท บิ๊ก ซี จำกัด (Big Sea) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเล เพิ่มอีก 10% เป็น 80% ทำให้จะรับรู้ในส่วนของรายได้และกำไรเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยหนุนจากการใช้เรือ FSU เพิ่มขึ้นจากผลของเกณฑ์ IMO2020 ก็จะส่งผลบวกต่อธุรกิจด้วย โดยธุรกิจ FSU เริ่มมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมาที่ 40% ก็จะช่วยหนุนผลการดำเนินงาน ทำให้คาดว่ากำไรของ PRM ในปีนี้มีโอกาสแตะ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 711.82 ล้านบาทในปีที่แล้ว

อนึ่ง ความต้องการใช้เรือ FSU ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเกณฑ์ใหม่ IMO เนื่องจากผู้ค้าน้ำมันมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการนำน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำมาผสมกับน้ำมันเตาที่มีกำมะถันสูง เพื่อให้ได้น้ำมันเตาที่มีสัดส่วนสารกำมะถัน 0.5% ตามมาตรฐานที่ IMO กำหนด ซึ่งเรือ FSU เหมาะกับการเก็บและการผสมดังกล่าว เพราะมีอุปกรณ์ทำความร้อนเตาเก็บน้ำมันและมีอุปกรณ์ผสมน้ำมันตามสัดส่วนที่ลูกค้าต้องการได้คล่องตัวและสามารถดำเนินการได้ทันที ขณะที่กฎระเบียบของประเทศสิงคโปร์ไม่เอื้ออำนวยให้ผู้ค้าน้ำมันเก็บน้ำมันเตาและผสมในถังน้ำมันบนบกในประเทศสิงคโปร์ได้คล่องตัวเหมือนเรือ FSU

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า เกณฑ์ IMO2020 ส่งผลบวกในแง่ของความต้องการใช้เรือ FSU เพิ่มขึ้น ซึ่ง PRM มีสัดส่วนรายได้จากเรือ FSU เพิ่มสูงขึ้นเป็น 40% ประกอบกับมีกองเรือ FSU มาเพิ่มอีก 2 ลำในช่วงไตรมาส 3/62 ทำให้มีเรือ FSU ให้บริการทั้งหมด 8 ลำ

ขณะที่อัตราค่าเช่าเรือมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ปริมาณกองรือ FSU ในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นไม่มาก ประกอบกับความต้องการใช้บริการในตลาดมีมากขึ้น ซึ่งจะหนุนต่อภาพรวมผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะในไตรมาส 3/62 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และมีโอกาสที่ผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าถือหุ้น Big Sea เพิ่มเป็น 80% ในช่วงกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผลการดำเนินงานของ Big Sea จะเข้ามาช่วยเพิ่มสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตได้ส่วนหนึ่ง โดยที่ยังประมาณการกำไรของบริษัทในปีนี้เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อน คาดว่าจะมีกำไร 934 ล้านบาท และจะสามารถเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1 พันล้านบาทได้ใน 63

ด้านนางสาวจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ปัจจัยหนุนของ PRM มาจากขนาดกองเรือที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งได้รับมอบเรือเพิ่มอีก โดยเฉพาะเรือ FSU ที่รับมอบจำนวน 2 ลำ ทำให้มีเรือ FSU ทั้งหมด 7 ลำ และคาดว่าจะมีอัตราการใช้เต็ม 100% เนื่องจากความต้องการใช้เรือแบบ FSU มีมากขึ้น จากเกณฑ์ IMO2020 และเรือ FSU ถือเป็นธุรกิจที่สร้างการเติบโตให้กับ PRM อย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ไตรมาส 3 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีการใช้บริการเรือมาก ทำให้เป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานของ PRM ในภาพรวมของไตรมาส 3/62 จะปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุด อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากการเข้าถือหุ้นเพิ่ม 10% ใน Big Sea ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการถือหุ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รับรู้รายได้และกำไรของ Big Sea เข้ามาได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยประเมินกำไรของ PRM ในปีนี้อยู่ที่ 932 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ