บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) เป็น "B" จาก "BB-" และยังคงแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น "Negative" หรือ "ลบ"
อันดับเครดิตที่ลดลงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ถดถอยต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท สถานะเงินสดของบริษัทถูกกดดันโดยการที่บริษัทไม่สามารถเรียกเงินคืนจากลูกหนี้หรือการขายหลักประกันได้ บริษัทไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่สะท้อนถึงความสามารถที่จะหาแหล่งเงินสดที่เพียงพอหรือการกู้ยืมใหม่สำหรับภาระหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในระยะเวลาอันใกล้นี้
การปรับลดอันดับเครดิตยังรวมถึงมุมมองของทริสเรทติ้งต่อมาตรฐานธรรมาภิบาลที่อ่อนแอลง จากการที่ บมจ.โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ (GSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 64% ไม่ได้ปฏิบัติตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เกี่ยวกับการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างบริษัทและ GSC นอกจากนั้น ในรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระต่อการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทและ GSC เกี่ยวกับรายการเงินให้กู้ยืมจาก GSC แก่บริษัท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจัดการความขัดแย้งผลประโยชน์ทับซ้อนที่อ่อนแอ
ณ เดือนมิถุนายน 2562 บริษัทมีเงินกู้ยืมรวม 3.34 พันล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ 2.68 พันล้านบาท ตั๋วแลกเงิน 80 ล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน 442 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงินกับบุคคลอื่นอีก 142 ล้านบาท
ทริสเรทติ้งกำลังพิจารณาอย่างใกล้ชิดถึงความสามารถในการชำระหนี้ 2 จำนวนในเงินกู้ทั้งหมดที่จะต้องชำระในปี 2562 ซึ่งประกอบด้วย เงินกู้ยืมตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 130 ล้านบาทที่มีกับ GSC โดยมีกำหนดนัดชำระวันที่ 23 กันยายน 2562 และหุ้นกู้จำนวน 768.6 ล้านบาท ที่จะถึงกำหนดชำระในวันที่ 6 ตุลาคม 2562 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ตารางภาระหนี้สินของบริษัท
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ GSC กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน 2562 เพื่อลงมติเกี่ยวกับรายการสัตยาบันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน (รายละเอียดปรากฏตามรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระต่อรายการสัตยาบันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของ GSC บนเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562) ซึ่งเงินกู้ยืมจาก GSC นั้นเป็นส่วนหนึ่งของเงินกู้ยืมตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 442 ล้านบาทจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน สำหรับตารางการชำระคืนและเจ้าหนี้ในส่วนเงินกู้ยืมตามตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ นั้น ไม่มีการเปิดเผย
แนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" สะท้อนถึงความเห็นของทริสเรทติ้งว่าความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและความเสี่ยงจากความสามารถในการกู้ยืมใหม่ที่เพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ และน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงในระยะเวลาหนึ่ง แหล่งเงินที่มีโอกาสมากสุดที่จะสามารถนำมาใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมมาจากการบังคับขายหลักประกันที่ยึดมาจากลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีกระบวนการและขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องใช้ระยะเวลา นอกจากนี้ บริษัทไม่ได้แสดงถึงแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ที่มีโอกาสสูงที่จะสามารถนำมาชำระหนี้ในระยะสั้นได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเป็น "Stable" หรือ "คงที่" ได้หากความเสี่ยงด้านแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้นและมีแนวทางที่ชัดเจนว่าหนี้สินจะสามารถได้รับการชำระ ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับลดลงต่อเนื่องหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อและมีแนวโน้มว่าบริษัทมีโอกาสสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้