INSET เผยกองทุนสนใจลงทุนหุ้น IPO คาดเปิดจองปลาย ก.ย.ก่อนเข้าเทรด mai ใน ต.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 16, 2019 13:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.อินฟราเซท (INSET) เปิดเผยว่า INSET เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 26.07% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว โดยคาดว่าจะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อหุ้น IPO ได้ในช่วงปลายเดือน ก.ย. ก่อนจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือน ต.ค.นี้

ทั้งนี้ จากการเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลกับนักลงทุนค่อนข้างได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะบรรดากองทุน ซึ่งแนวทางการกระจายหุ้น IPO ครั้งนี้จะเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศในสัดส่วน 30% และที่เหลือกระจายให้กับนักลงทุนทั่วไป ขณะที่ราคาขาย IPO จะอิงค่า P/E ประมาณ 18 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

"มั่นใจว่า INSET จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เพราอยู่ในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่กำลังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีการสื่อสารเข้าสู่ระบบ 5G โดยธุรกิจของ INSET มีความโดดเด่นด้านการเป็นผู้ประกอบการครบวงจรเพียงไม่กี่รายในอุตสาหกรรมมีโอกาสได้รับงานเพิ่มขึ้นอีกมาก"นายเล็ก กล่าว

นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ INSET เปิดเผยว่า การระดมทุนครั้งนี้จะนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจในส่วนโครงการที่เพิ่งเซ็นสัญญาไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 มูลค่าราว 790 ล้านบาท และโครงการวางระบบเครือข่ายและอุปกรณ์ WiFi ของโครงการ Google Station จำนวน 5,000 จุด มีรายได้เฉลี่ยจุดละ 1,200-1,500 บาท เป็นสัญญาระยะ 5 ปีรวมทั้งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

สำหรับแนวโน้มรายได้รวมในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 15-20% โดยจะมาจากการทยอยรับรู้รายได้โครงการที่อยู่ระหว่างรอการส่งมอบ (Backlog) ณ สิ้นสุด 30 มิ.ย.62 มีมูลค่ารวมประมาณ 2,739 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะรับรู้รายได้สัดส่วน 30-40% ของ backlog ทั้งหมด และส่วนที่เหลือจะรับรู้ต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

INSET จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดในปี 49 ด้วยทุนแรกเริ่มจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูล ซึ่งบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มขยายการให้บริการรับเหมาก่อสร้างในธุรกิจโทรคมนาคมอย่างครอบคลุมมากขึ้น ต่อมาในปี 61 ได้เพิ่มทุนเป็น 207 ล้านบาท เพื่อให้บริการรับเหมาก่อสร้างกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม และในปี 62 บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 280 ล้านบาท พร้อมทั้งแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน

ปัจจุบันสามารถแบ่งการให้บริการของบริษัทเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่

1.ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Data Center & Information Technology Infrastructure) โดยแบ่งเป็น 1.1) งานก่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจก่อสร้างศูนย์ Data Center และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในรูปแบบการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จทั้งโครงการ (Turnkey) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศรวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และ 1.2) งานก่อสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructure) ซึ่งเป็นงานก่อสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ, ติดตั้งอุปกรณ์และเชื่อมต่อระบบต่างๆ ในพื้นที่โครงการ ทั้งระบบการสื่อสาร, ระบบสัญญาณ WIFI, ระบบสาย LAN และระบบไฟฟ้า เป็นต้น

2.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม (Telecommunication Infrastructure) โดยบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคมให้กับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ โดยให้บริการตั้งแต่การสำรวจ, ออกแบบ จนถึงก่อสร้างและติดตั้งเสาและสายสัญญาณและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

3. ธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ (Maintenance and Service) ให้บริการกับโครงการในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารโทรคมนาคม เน้นรับงานบริการและซ่อมบำรุงจากทั้งลูกค้าเก่าที่บริษัทเคยส่งมอบโครงการแล้วและลูกค้าใหม่ ซึ่งมีรูปแบบการให้บริการในลักษณะการให้บริการบำรุงรักษาแบบ Preventive Maintenance และแบบ Corrective Maintenance โดยบริษัทมีทีมงานประจำทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับความต้องการจากลูกค้าได้ทันที

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 59-61 และงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 451.36 ล้านบาท 530.29 ล้านบาท 1,007.12 ล้านบาท และ 577.68 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองลงมาเป็นรายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และโครงข่ายโทรคมนาคม โดยแต่ละปีมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.46 %, 19.38%, 17.43% และ15.76% ตามลำดับ ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 43.14 ล้านบาท 63.91 ล้านบาท 94.56 ล้านบาท และ 46.57 ล้านบาท ตามลำดับ

https://youtu.be/vN_96lMOc6


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ