นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดปี 50 ในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่ายจำนวน 324,653,728.96 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิการเข้าร่วมประชุมและรับเงินปันผล ในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น.
ทั้งนี้ บริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2550 ไปแล้วเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท
สำหรับผลประกอบการปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 927.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.24 จากปี 49 เนื่องจาก บริษัทฯมีรายได้รวม 6,823.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีรายได้รวม 5,020.49 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.92 เป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา, ลุมพินี เพลส พหล-สะพานควาย, ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 จำนวนเงิน 6,176.47 ล้านบาท, โครงการต่อเนื่องจากปี 2549 จำนวนเงิน 356.83 ล้านบาท และบริษัทย่อยอีก 1 โครงการ จำนวนเงิน 40.92 ล้านบาท ประกอบกับรายได้ค่าเช่า และบริการเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ถึงร้อยละ 58.01
ในขณะเดียวกันบริษัทฯได้มีการด้อยค่าที่ดินเปล่าบริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับพัฒนาเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยตั้งแต่ปี 2545 โดยมีสาเหตุมาจากการที่บริษัทฯได้ใช้เวลาแล้วระยะหนึ่งในการจัดซื้อที่ดินบริเวณติดกับที่ดินเดิมซึ่งจัดซื้อได้เพียงบางส่วนแต่ยังไม่สามารถซื้อได้ตามแผนพัฒนาโครงการที่วางไว้ บริษัทฯจึงปรับลดขนาดโครงการและลดจำนวนแปลงที่ดินที่จะซื้อลงเพื่อให้มีความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ และบริษัทฯ คาดว่ามูลค่าที่จะได้รับคืนจากต้นทุนที่ดินในอนาคตจะมีมูลค่าต่ำกว่าราคาในบัญชี ประกอบกับบริษัทฯได้ใช้หลักความระมัดระวัง ความสมเหตุสมผล และการบริหารความเสี่ยง จึงได้ดำเนินการด้อยค่าที่ดินในครั้งนี้จำนวน 250 ล้านบาท
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 32.31 ของปีก่อนเป็นร้อยละ 34.67 ของปีนี้ และเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจด้วย Corporate Strategies ที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
เมื่อพิจารณางบกระแสเงินสด ณ 31 ธันวาคม 2550 มีเงินสดคงเหลือจำนวน 454.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมี 275.35 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 65.18 โดยเป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด และผลการดำเนินงานที่เกินกว่าเป้าหมาย อีกทั้งได้รับคืนเงินกู้จากบริษัทร่วมจำนวน 188.0 ล้านบาท ทำให้มีสภาพคล่องอย่างเพียงพอในการดำเนินงานต่อไปในอนาคต
สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ 31 ธันวาคม 2549 และ 2550 เพิ่มจาก 0.80 : 1 เป็น 0.88:1 ตามลำดับ ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยก็ยังมีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 0.38: 1 เป็น 0.45: 1 เนื่องจากยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในการเปิดขายโครงการใหม่ ซึ่งมีจำนวนและมูลค่าโครงการใหญ่กว่าเดิม อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาก่อสร้างนานกว่าโครงการของปีก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--