นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า บริษัทประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือนก.ย.62 SET Index มีโอกาสแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,600-1,680 จุด โดยมีปัจจัยกดดันที่สำคัญ คือ หลังพื้นที่ผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ถูกโจมตี เริ่มเห็นสัญญาณความเสี่ยง Geopolitical risk ที่สูงขึ้น จนทำให้นักลงทุนทั่วโลกกลับมากังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง และเริ่มเห็นปรากฏการณ์โยกย้ายเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น และระดับ SET Index ปัจจุบันราคาหุ้นเริ่มไม่ถูกแล้วด้วยมิติของ Valuation โดยล่าสุดประมาณการ EPS ปี 63 ลงมาอยู่ที่ระดับ 110 บาท และหากอิงบนระดับ Forward PE ในกรณีดีสุดที่ 15 เท่า จะได้ระดับดัชนีที่เหมาะสมอยู่เพียงแค่ 1,650 จุดเท่านั้น หรือแทบไม่มี Upside จากระดับดัชนีปัจจุบัน
ขณะที่ปัจจัยบวกที่อาจเกิดขึ้น คือ การทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯกับจีน หากการเจรจาระหว่างผู้แทนของทั้ง 2 ประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น อาจนำมาสู่การประกาศข้อตกลงชั่วคราวได้ เช่น การเลื่อนการเพิ่มอัตราภาษีเป็น 30% บนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านเหรียญฯ ออกไปอีกจากวันที่ 15 ต.ค.62, การยกเลิกการเพิ่มอัตราภาษี 30% และการเลื่อนหรือยกเลิกการเก็บภาษี 10% บนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 1.6 แสนล้านเหรียญฯ ที่จะบังคับใช้วันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งอาจนำมาสู่การเลื่อนหรือยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าของจีนในอัตรา 5-10% ที่จะมีขึ้นในวันเดียวกัน หากเกิดขึ้นจริงจะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เช่น อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Defensive และ Selective ไปยังหุ้นในธีม Low bond yield ได้แก่ ไฟแนนซ์, สาธารณูปโภค, สื่อสาร, REIT & IFF โดยในกลุ่มนี้หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ S11, THANI, JMT, RATCH, TPCH, EASTW, ADVANC, INTUCH ขณะเดียวกันก็แนะนำให้หาจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงมาแรง เช่น TU และ ถือลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น BBL เนื่องจากคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 25 ก.ย.นี้ ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำ HANA, KCE โดยให้หาจังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัว เพื่อคาดหวัง Positive surprise ที่อาจเกิดขึ้นจากข้อตกลงการค้าชั่วคราวระหว่างจีนกับสหรัฐฯ