โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) หลังมองผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ และยังได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการภาครัฐ "ชิมช้อปใช้" รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น พร้อมกับการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงไม่มีค่าใช้จ่ายกันสำรองผลประโยชน์พนักงานเหมือนในไตรมาส 2/62 ก็จะช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิทั้งปี 62 เติบโตดีกว่าระดับ 205.6 ล้านบาทในปีที่แล้ว
ช่วงบ่ายราคาหุ้น SPA อยู่ที่ 14.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.71% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.63%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 15.80 ทิสโก้ ซื้อ 16.20 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 15.10
นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SPA ในไตรมาส 3/62 จะกลับสู่โหมดขยายตัวทุกทิศทาง โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาสนี้จะกลับไปที่ราว 55-60 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นจะดีดตัวออกจากจุดต่ำสุด 29.0% ในไตรมาส 2/62 สู่ระดับปกติ 33-35% จากการที่สาขาต่างๆ กลับมาทำงานเต็มที่ พร้อมกับการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนบางส่วน อีกทั้งจะไม่มีรายการพิเศษอย่างในไตรมาส 2/62 ที่มีค่าใช้จ่ายกันสำรองผลประโยชน์พนักงานตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานใหม่ ทำให้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 62 ที่ 261 ล้านบาท เติบโต 27% จากปีก่อน
ขณะที่มองครึ่งหลังปีนี้จะเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ซึ่งปีนี้ยังได้แรงขับเคลื่อนจากมาตรการชิมช็อปใช้ ที่เข้ามาสนับสนุน คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อ Sentiment เชิงบวก ให้มีผู้เข้ามาใช้บริการ เบื้องต้นผู้บริหารคาดว่าปริมาณผู้ใช้บริการจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
"เรามองว่ามาตรการภาครัฐที่ออกมาในเชิงกระตุ้นการท่องเที่ยวคนในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเป็น Sentiment เชิงบวก ต่อตัว SPA ในครึ่งปีหลังนี้ โดยค่าบริการปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 600-700 บาท ซึ่งถือว่าตอบโจทย์กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา"นายจรูญพันธ์ กล่าว
ด้านบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ SPA จะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังปีนี้จากฐานที่ต่ำในปีก่อน เนื่องจากเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต และการปิดปรับปรุงของรีสอร์ทระรินจินดา และเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ Stretch me จะเพิ่มขึ้นจากการชะลอการขยายสาขา อีกทั้งมองว่าจะมีปัจจัยบวกจากผลของการประท้วงที่ฮ่องกง ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยได้ประโยชน์ เนื่องจากในภาวะปกติฮ่องกงมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวกว่า 29 ล้านคน เมื่อมีเหตุประท้วงทำให้นักท่องเที่ยวหันไปเที่ยวในประเทศอื่นแทน ซึ่งจะช่วยชดเชยการดำเนินงานที่อ่อนแอของ Stretch me และธุรกิจทำเล็บ
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 62-63 ลง 6% ต่อปี เป็น 230 ล้านบาท และ 281 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากการปรับอัตรากำไรขั้นต้นลงจาก 32.8-33.2% เป็น 31.7-32% ตามลำดับ ขณะที่ SPA จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาส 4/62 เพื่อหนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไร คาดว่าลูกค้าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.1 ล้านราย ในปีก่อน เป็น 1.23 ล้านราย ในปีนี้
บทวิเคราะห์บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 62 ของ SPA ในระดับเดิม แม้ว่ากำไรช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะทำได้เพียง 45% ของประมาณการทั้งปี แต่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะกลับมาอยู่ระดับปกติที่ 33-35% และไม่มีรายการพิเศษเหมือนไตรมาส 2/62 โดยต้นเดือน ก.ค.เปิดสาขาที่ย่างกุ้ง 1 แห่ง ผลักดันให้สาขาต่างประเทศเพิ่มเป็น 8 แห่ง ส่วนการเปิดสาขาในประเทศก็จะทยอยเปิดอีก 4-5 แห่ง จากระดับ 53 แห่งในสิ้นไตรมาส 2/62