นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากแผนการตัดต้นทุนของกองหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ครบทั้งจำนวน และในไตรมาส 3/62 ก็ได้เข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อกองหนี้มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ และมีกองหนี้ที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้แนวโน้มภาพรวมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบยังคงมีอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 4/62 สถาบันการเงินต่างๆ มีแผนขายหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโอกาสของ JMT ที่จะเข้าซื้อหนี้เข้ามาเติมพอร์ต โดยวางเงินลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 4,500 ล้านบาท คาดใช้หมดตามเป้าหมาย จากครึ่งปีแรกนี้ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 1,200 ล้านบาท มีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ 148,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในประเทศไทยแบบที่ไม่มีหลักประกัน
"ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง JMT รับปัจจัยบวกจากแผนการตัดต้นทุนในกองหนี้ก้อนใหญ่หมดในช่วงไตรมาส 3 สะท้อนความสามารถในการบริหารงานและการจัดเก็บหนี้ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม ทั้งหนี้แบบไม่มีหลักประกัน และการรุกหนี้แบบมีหลักประกันเข้ามาบริหารเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของหนี้มากกว่าจำนวน เพื่อการเติบโตของกำไรเป็นสำคัญ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนได้ตามแผนที่วางไว้ สนับสนุนภาพรวมรายได้และกำไรทั้งปี 62 คาดเติบโต 50% จากปี 61 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ราว 1,886 ล้านบาท กำไรสุทธิ 506 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร" นายสุทธิรักษ์ กล่าว