(เพิ่มเติม) กองทุนฟื้นฟูฯ เตรียมจ้างที่ปรึกษาเปิดประมูลขายหุ้น BT ให้พันธมิตรใหม่

          กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เตรียมว่างจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อทำการประมูลขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในธนาคารไทยธนาคาร(BT) เพื่อขายให้กับผู้ที่เสนอราคาดีที่สุด คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ โดยเปิดกว้างให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านรีเทลเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจธนาคาร หลังจากมีความเข้มแข็งของกองทุนแล้ว ส่วนหุ้นที่ถืออยู่ในธนาคารกรุงไทย และธนาคารนครหลวงไทย เข้าคิวรอต่อไป  
          "เหมือนเรามีลูกสาวอยู่ 3 คน สวยหมด คนสนใจเยอะหัวกระไดไม่แห้ง"นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ 
          กองทุนฯ จะคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงินจากผู้ที่มีรายชื่อในศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษาไทยของกระทรวงการคลัง มาช่วยกำหนดกลยุทธ์และวางแผนดำเนินการที่เหมาะสม รวมทั้งสรรหาและคัดเลือกผู้ร่วมทุนที่เหมาะสมกับ BT ซึ่งจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการเสริมบริการทางการเงินที่ดีขึ้นห้แก่ประชาชน และเพิ่มความมั่นคงให้ระบบสถาบันการเงินให้มากขึ้นต่อไป
          "กองทุนฯ เห็นสมควรที่จะลดบทบาทการเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนถือหุ้นลง และเปิดโอกาสให้มีผู้ร่วมลงทุนที่มีศักยภาพด้านเงินทุนและการบริหารธนาคารพาณิชย์เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มพูนความสามารถในการแข่งขัน" นางทองอุไร กล่าว
          ที่ผ่านมากองทุนฯ  ได้ใช้สิทธิเข้าเพิ่มทุนใน BT ร่วมกับผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นในเดือนมกราคม 2551 โดยในส่วนของกองทุนเป็นการเข้าเพิ่มทุนเป็นเงินทั้งสิ้น 2,841.7 ล้านบาท ทำให้กองทุนฯ เป็นผู้ถือหุ้น BT คิดเป็นสัดส่วน 42.13% หลังจากเพิ่มทุน BT มีสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 10% 
          นางทองอุไร กล่าวว่า จากการเพิ่มทุนทำให้ BT แข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ยังมีส่วนที่จะต้องปรับปรุง โดยเฉพาะในด้านศักยภาพการแข่งขัน ซึ่งพันธมิตรที่เข้ามาจะต้องช่วยเสริมด้านธุรกิจรีเทล โดยกองทุนฟื้นฟูฯ จะเป็นผู้คัดเลือกผ่านการเปิดประมูล ภายใต้ 3 เงื่อนไขคือ ได้ราคาที่ดี เข้ามาแล้วทำให้ทุนของธนาคารเข้มแข็ง และ จะไม่กลายเป็นปัญหากลับมาที่กองทุนฟื้นฟูฯ อีก 
          สาเหตุที่เลือกขายหุ้น BT เป็นรายแรก เนื่องจากหลังเพิ่มทุนแล้วมีความเข้มแข็ง ขนาดของธนาคารกำลังดี มีจำนวนสาขา 146 สาขา ตู้เอทีเอ็ม 1,156 เครื่อง มีความคล่องตัวในการทำธุรกิจ มีงบการเงินที่สะอาดโปร่งใส ที่สำคัญธนาคารยังมีความสามารถในการทำกำไร แม้จะต้องหักสำรองเผื่อความเสียหายจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศประเภท CDO ก็ตาม ซึ่งขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจเข้ามาหารือกับธปท.แล้วทั้งไทยและต่างประเทศ น่าจะได้เห็นการขายหุ้น BT ภายในปีนี้ 
          "มั่นใจว่าขายได้ ไทยธนาคารมีงบการเงินที่สะอาดโปร่งใส แม้จะมีซีดีโอเป็นตัวถ่วงนิดหน่อย แต่ใส้ในยังดีอยู่เพราะเรทติ้งอยู่ในระดับ AAA แต่ที่สร้างปัญหาอยู่ที่การทำ mark to market" นางทองอุไร กล่าว 
          นางทองอุไร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ทางกองทุนฯ และ TPG ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้เล็งเห็นความสำคัญในการปรับปรุงการดำเนินการของ BT ให้มีเสถียรภาพจึงได้มอบหมายให้นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค และ Mr.Robert A. Cohen ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการธนาคาร 
          ทั้งนี้ นายสามารถจะเข้ามาดูแลด้านการความเข้มแข็งของเงินกองทุนและบริหารความเสี่ยง ส่วนนายโรแบร์ จะเข้ามาดูเรื่องธุรกิจรีเทล ขณะที่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของนายพีรศิลป์ ศุภผลศิริ ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง