นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ บมจ.อินฟราเซท (INSET) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.69 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 27, 30 กันยายน และวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 8 ตุลาคม 2562 ในกลุ่มเทคโนโลยี โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า INSET
สำหรับราคาขายหุ้นไอพีโอของ INSET ที่ระดับ 2.69 บาท/หุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เนื่องจากสะท้อนปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยพิจารณาจากการเติบโตของรายได้และการทำกำไรที่ต่อเนื่อง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง ประกอบกับปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่มีมูลค่าสูงถึง 2.7 พันล้านบาท และปัจจัยสนับสนุนด้านภาพรวมนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและคมนาคม
นางยอดฤดี สันตติกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน INSET มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น ไอพีโอในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทุกประเภท เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ขณะเดียวกัน INSET ดำเนินธุรกิจและให้บริการแบบครบวงจร ซึ่งแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่าจะเป็นหุ้นที่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ INSET กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการขยายธุรกิจ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 และโครงการวางระบบเครือข่ายรวมถึงอุปกรณ์ WiFi (โครงการ Google Station) รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทต่อไป
"การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยรองรับโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงจะช่วยเพิ่มฐานทุนให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการเข้าประมูลงานในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ที่สำคัญปัจจุบัน INSET มีโครงการในมือรอรับรู้รายได้ประมาณ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ รักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ดี สม่ำเสมอและต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และยังไม่นับรวมโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยเราได้ตั้งเป้าหมายที่จะมีอัตราการเติบโตของรายได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง" นายศักดิ์บวร กล่าว
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559 – 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 451.36 ล้านบาท 530.29 ล้านบาท และ 1,007.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 43.14 ล้านบาท 63.91 ล้านบาท และ 94.56 ล้านบาท ตามลำดับ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และในงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2561 และปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 452.66 ล้านบาท และ 577.68 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน 31.18 ล้านบาท และ 46.57 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักของบริษัทฯ มาจากรายได้จากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองลงมาเป็นรายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม
สำหรับการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการ การจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย 5 แห่ง ประกอบด้วย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) , บล.ฟินันเซีย ไซรัส ,บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ,บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) และบล.ทรีนีตี้