บมจ.เอคิว เอสเตท (AQ) เปิดเผยว่า ตามที่มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 29 ส.ค.62 อนุมัติให้ฟ้องคดีแพ่งธนาคารกรุงไทย (KTB) กรรมการ และผู้บริหาร กรณีให้ดำเนินการนำเงินจำนวน 3,898.70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดิน 4,300 ไร่ของบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ไปชำระเป็นค่าความเสียหายในคดีของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายใน 15 วัน หากแต่ไม่มีการดำเนินการแก้ไขใดๆ บริษัทฯ จึงดำเนินการยื่นฟ้องแพ่งเพื่อเรียกร้องให้ ธนาคารฯ ดำเนินการแก้ไขหรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ในวันที่ 25 ก.ย.62 AQ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ (คดีหมายเลขดำที่ พ.2354/2562) โดยมี KTB เป็นจำเลยที่ 1 , นายผยง ศรีวณิช เป็นจำเลยที่ 2 ขณะที่จำเลยที่ 3-11 ประกอบด้วย นายนนทิกร กาญจนะจิตรา, นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์, พลเอกเทียนชัย รับพร, นายปุณณิศร์ ศกุนตนาค, นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย, นายธันวา เลาหศิริวงศ์, นายวิชัย อัศรัสกร, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ , นางแพตริเซีย มงคลวณิช, นางนิธิมา เทพวนังกูร, นายปริญญา พัฒนภักดี ฐานผิดสัญญาและละเมิด โดยเรียกค่าเสียหาย 3,898,704,840.00 บาท
AQ ระบุว่า นายปริญญา พัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงานปรับโครงสร้างและบริหารทรัพย์สิน ในฐานะตัวแทนของ KTB และผู้รับผิดชอบในกรณีนี้ ทำหน้าที่เจรจาหารือกับบริษัท เป็นผู้แทนรับชำระเงินก้อนแรกที่บริษัทได้จากการเพิ่มทุน รวมทั้งเป็นผู้แทนธนาคารร่วมเจรจาตกลงกับบริษัทให้มีการขายที่ดิน 4,300 ไร่ ของ โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค โดยวิธีขายทอดตลาดให้แก่บุคคลที่สนใจเพื่อนำเงินมาชำระค่าเสียหายแก่ธนาคาร ซึ่งธนาคารได้รับเงินแล้วจำนวนรวมทั้งหมด 3,898,704,840.00 บาท
เงินจำนวนดังกล่าวจะต้องถูกหักออกจากค่าความเสียหายในคดีของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และบันทึกลงงบการเงินไตรมาสแรกปี 62 ตามกรอบคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ในคดีหมายเลขดำที่ อม.3/2555 และหมายเลขแดงที่ อม.55/2558 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า"ธนาคารผู้เสียหายได้รับชำระคืนแล้วเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้หักออกจากจำนวนที่สั่งให้ใช้คืนตามส่วน"แต่ธนาคารมิได้หักเงินตามข้อตกลงในการชำระค่าเสียหาย ทั้งขัดกับคำพิพากษาฯ และขัดกับข้อเสนอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ธนาคารได้เจรจาไว้กับบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทและธนาคารยังไม่เคยหารือ หรือเจรจาเรื่องการชำระดอกเบี้ยในคดีแพ่ง เพราะบริษัทไม่ได้เป็นลูกหนี้ธนาคารโดยตรง ข้อตกลงระหว่างบริษัทกับธนาคารเป็นเรื่องการชำระค่าเสียหายในคดีของศาลฎีกาฯ ที่บริษัทต้องรับผิดชอบเท่านั้น ซึ่งรายละเอียดสำคัญเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ผู้ดูแลรับผิดชอบกรณีนี้ทราบดีอยู่แล้ว การที่ธนาคารบันทึกให้เงินจำนวน 3,898,704,840.00 บาทว่าเป็นการชำระดอกเบี้ยตามคำพิพากษาคดีแพ่งระหว่างธนาคารในฐานะโจทก์กับ โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ด ในฐานะจำเลย ในงบการเงิน จึงเป็นการจงใจปฎิบัติผิดข้อตกลงอย่างชัดเจน
การไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขอย่างสุจริตและจงใจกระทำการผิดสัญญา เป็นการละเมิดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อบริษัท ซึ่งเป็นมหาชน และอาจเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายถึงขั้นต้องเข้าฟื้นฟูกิจการ บริษัทจึงไม่อาจนิ่งเฉยต่อการกระทำขององค์กรอันเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐและเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศ ที่มีหน้าที่ต้องปฎิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของกฎหมาย รวมทั้งต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาอนุมัติเรื่องต่างๆอย่างระเอียดรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนหรือผลกระทบต่อลูกค้าหรือประชาชนทั่วไป จึงขอเรียกร้องต่อศาลให้มีการพิจารณาอย่างถูกต้องเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นนับหมื่นรายของบริษัทฯ