นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่ปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย-คงเป็นลักษณะแกว่งแคบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้บวกกันได้เล็ก ๆ เล็งปัจจัยบวกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนผ่อนคลายขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ระบุว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ตลาดฯมองบวก และราคาน้ำมันที่ยืนทรงตัวได้ก็ไม่สร้างความกดดันให้กับตลาดฯ ทำให้วันนี้หุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีอาจจะปรับตัวขึ้นได้
ส่วนบ้านเราผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็ออกมาคงอัตราดอกเบี้ยตามตลาดคาดไว้ แต่ก็มีการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้ ทำให้ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็เป็นบวกต่อเงินบาทที่แข็งค่า และกลุ่มธนาคารก็มีโอกาสที่จะไม่ถูก Downgrade ซึ่งก็ดีต่อตลาดด้วย พร้อมแนะนำหุ้นวันนี้เป็นหุ้น BBL และ BGRIM รวมถึงกองทุนก็ขายน้อยลงด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,970.71 จุด เพิ่มขึ้น 162.94 จุด (+0.61%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,984.87 จุด เพิ่มขึ้น 18.27 จุด (+0.62%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,077.38 จุด เพิ่มขึ้น 83.76 จุด (+1.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 140.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 129.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 35.88 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.10 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.ย.62) 1,628.38 จุด ลดลง 2.12 จุด (-0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 183.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ก.ย.62) ปิดที่ 56.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.ย.) อยู่ที่ 8.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.59/61 อ่อนค่าจากวานนี้ ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง จับตาตัวเลข GDP Q2/62 ของสหรัฐฯ
- มติ กนง.เอกฉันท์ "คง" ดอกเบี้ย 1.5% พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลงเหลือเติบโต 2.8% ชี้เป็นการหั่นประมาณการต่อเนื่องครั้งที่ 4 พิษสงครามการค้า ทำส่งออกวูบหนัก ขณะ "บาทแข็ง" กดดันเศรษฐกิจเพิ่ม เผยที่ประชุมสั่งจับตาเงินบาทใกล้ชิด ด้าน "เอดีบี" หั่น "จีดีพี" ไทยลงแตะ 3% ขณะ "กสิกร" จ่อปรับลงอีกรอบ
- ทัวริสต์จีนตบเท้าเที่ยวไทยส.ค.ทะลุ 1 ล้านคนรอบ 6 เดือน "แอตต้า" แจงได้ดีมานด์ช่วงปิดเทอมกระตุ้นเดินทาง คาดโกลเด้นวีควันชาติจีน ต.ค.นี้ จีนแห่มาไทยไม่ต่ำกว่า 2.5 แสนคน ขณะที่ "ททท." คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 5.7 พันล้านบาท
- "ซีพี" เผย 3 เงื่อนไขยื้อเจรจาไฮสปีด ชี้แผนส่งมอบพื้นที่ไม่ชัด ข้อมูล รฟท.ไม่อัพเดท จี้เปิดเจรจาให้เคลียร์ เผยใช้เวลาเตรียมเอกสารก่อน ลงนาม 4-6 สัปดาห์ "อนุทิน" สั่งเจรจาให้จบ 15 ต.ค. ยืนยันไม่เจรจา "บีเอสอาร์"-ไม่ประมูลใหม่ สั่งการรถไฟฯยอมถอย ค่าย้ายสาธารณูปโภค
- "ฐากร" ย้ำ 5G ต้องเกิดขึ้นเร็ว เพื่อนบ้านอาเซียนขยับโรดแมปเร็วขึ้น หากช้านักลงทุนย้ายฐานสูญเสียกว่า 2 ล้านล้านบาท
- สอน.โอดราคาอ้อยขั้นต้นปี 62/63 วูบ ประเมินเบื้องต้นอยู่แค่ 690 บาทต่อตัน หลังเจอราคาน้ำตาลโลกตกต่ำ แถมบาทแข็งค่ากระทบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- B-W5 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.บี จิสติกส์ (B)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 290,555,129 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 0.35 บาท กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก วันที่ 31 ต.ค.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 15 มี.ค.64
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 100 บาท คาดกำไร Q3/62 เติบโตได้ทั้ง Q-Q และ Y-Y ทั้งที่ 3Q เป็น low season (สวนทางค้าปลีกอื่นที่กำไรลด Q-Q) เพราะเป็น high season ของ MAKRO บวกกับ Stamp promotion ช่วยกระตุ้นยอดขาย ทั้งนี้ พื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งและอยู่ได้ในระยะยาว การทำสัญญากับ PLANB ให้ติดตั้งจอดิจิทัลในร้าน การร่วมมือกับ EA ติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เป็นตัวอย่างของรายได้ที่เข้ามาได้ทุกทิศทางอาศัยสาขาจำนวนมากและเข้าถึงชุมชน พร้อมคาดกำไร 2562-2563 เฉลี่ย +13% หุ้นมี 2563 PE 26x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 32x
- GFPT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 21 บาท ได้ผลบวกจากข่าวพบการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมู (ASF) ในจังหวัดเชียงราย และราชบุรี คาดประชาชนหันไปบริโภคเนื้อไก่เพื่อเป็นการทดแทน โดย GFPT มีสัดส่วนรายได้จากไก่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องคิดเป็น 80% ของรายได้รวม ล่าสุดราคาขายไก่ในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 37 บาทต่อก.ก.เพิ่มขึ้น 4% จาก 2Q62 และเพิ่มขึ้น 10-15%yoy
- ASK (เออีซี) ช่วง H2/62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้น บวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.