นายนิพัทธ์ วัฒนาธิษฐาน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ปรึกษาทางการเงินและตลาดทุน สายวาณิชธนกิจ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมครั้งที่ 1 ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DREIT) เปิดเผยว่า การเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและผู้ลงทุนทั่วไปได้จองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมครั้งที่ 1 ของ DREIT ในช่วงวันที่ 13-23 ก.ย.62 ผลปรากฏว่าได้รับความสนใจจองซื้อจากผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและผู้ลงทุนทั่วไปอย่างมาก ทำให้สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายคือ 1,782.39 ล้านบาท โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมได้รับจัดสรรจำนวน 240.14 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่า 1,416.82 ล้านบาท และผู้ลงทุนทั่วไปซึ่งเข้ามาซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนจำนวน 61.96 ล้านหน่วย คิดเป็นเงิน 365.57 ล้านบาท
"นอกจากผลตอบแทนที่จูงใจแล้ว ผู้ลงทุนทั้งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและผู้ที่เข้ามาซื้อใหม่ให้ความเชื่อมั่นกับทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม คือโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไรที่ดี"นายนิพัทธ์ กล่าว
นายนิพัทธ์ กล่าวว่า การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ จะทำให้กองทรัสต์มีมูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์อยู่ที่ระดับประมาณ 4,590.8 ล้านบาท จะเพิ่มเป็นประมาณ 6,976.4 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยทรัสต์จากจำนวนหน่วยที่มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมเงิน รวมถึงความสามารถในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของกองทรัสต์ ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออัตราผลตอบแทนของหน่วยทรัสต์ในอนาคตอีกด้วย
ด้านนายสานต่อ มุทธสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ DREIT เปิดเผยว่า เงินระดมทุนที่ได้จากการออกหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนจำนวน 1,782.39 ล้านบาทนี้ จะนำไปลงทุนในโครงการโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนเกาะ Mudhdhoo ในหมู่เกาะ Baa Atoll สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการประกาศจากองค์กร UNESCO ให้เป็นเขตสงวนชีวมณฑล (UNESCO World Biosphere Reserve) บนพื้นที่เช่าประมาณ 116 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ระยะเวลาเช่าคงเหลือ 40 ปีเศษ มีมูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 2,385.60 ล้านบาท
การเพิ่มทุนครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของกองทรัสต์ที่ต้องการเติบโตผ่านการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยจะทำให้รายได้ค่าเช่าของกองทรัสต์มีความมั่นคงมากขึ้นผ่านการกระจายความเสี่ยงของการจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สิน ซึ่งเดิม DREIT ลงทุนในโครงการโรงแรมในประเทศทั้งหมด 3 แห่ง คือ โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และ โรงแรมดุสิตธานีหัวหิน การเพิ่มโครงการในต่างประเทศเข้ามาจะช่วยลดการพึ่งพิงแหล่งรายได้ของกองทรัสต์ DREIT กับทรัพย์สินใดทรัพย์สินหนึ่ง (Asset Diversification) และยังเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์จะมุ่งมั่นหาทรัพย์สินที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้กองทรัสต์มีขนาดเติบโตขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นแก่ผู้ถือหน่วย
"โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ เป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูง เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมไปพัก โดยมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 สูงถึงร้อยละ 84.43 นอกจากนี้โครงสร้างรายได้ของ DREIT หลังจากลงทุนในดุสิตธานี มัลดีฟส์ แล้ว จะให้ทางกลุ่มดุสิตธานี เช่าไปบริหาร และชำระเป็นค่าเช่าคงที่ให้กับ DREIT ปีละ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากผลการดำเนินงานดี ก็จะมีค่าเช่าแปรผันเพิ่มเติมกลับมาอีกด้วย ดังนั้น การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จึงเป็นผลดีต่อผู้ถือหน่วยอย่างแน่นอน"นายสานต่อ กล่าว