นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า แผนงานระยะยาวบริษัทคาดการณ์งบลงทุนในการขยายธุรกิจคอมเมอร์เชียลไว้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับ 4 ปี โดยธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก นับเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความมั่นคงของรายได้ โดยเฉพาะโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ได้รับการตอบรับจากผู้เช่าเกินความคาดหมายด้วยอัตราการเช่าพื้นที่กว่า 92% ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนการพัฒนาโครงการมิกส์ยูสโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ "เอส โอเอสซิส" บนถนนวิภาวดี-รังสิต มูลค่า 3.68 พันล้านบาท ความสูง 36 ชั้น มีพื้นที่ให้เช่า (NLA) ประมาณ 53,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่สำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกบางส่วน ซึ่งจะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 3 ปี โดยได้เริ่มการก่อสร้างในปีนี้
ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากกับการเติบโตของบริษัทในปีนี้ และมีรายได้ประจำจากการลงทุนในกิจการโรงแรม โดยการเข้าซื้อโรงแรม Outrigger 6 โรงแรมใน 4 ประเทศ และการเปิดตัวโครงการ CROSSROADS ประเทศมัลดีฟส์ ซึ่งนับเป็นโครงการลงทุนต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย ท่าเรือยอร์ชมารีนาพร้อมร้านค้าและร้านอาหารชื่อดัง พร้อมทั้งเปิดตัวโรงแรมชั้นนำถึง 2 แห่ง ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะที่ผ่านมา และมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐบาลมัลดีฟส์
ส่วนกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) ของคอนโดมิเนียมมูลค่า 4,400 ล้านบาท จากโครงการ The ESSE Asoke และ The ESSE at SINGHA COMPLEX
"ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้หุ้นละ 0.04 บาท ในปี 62 และยังส่งผลให้ปี 62 เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้ของ สิงห์ เอสเตท ทุกกลุ่มธุรกิจหลักมีการเติบโตและขยายตัว เพื่อเปิดรับโอกาสการลงทุนใหม่ในปีถัดไป"นายนริศ กล่าว