นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) คาดว่าผลประกอบการจะสามารถพลิกมีกำไรในไตรมาส 4/62 หรืออย่างช้าในไตรมาส 1/63 หลังจากช่อง 3 จะทำการปรับโฉมและรูปแบบรายการข่าวทุกรายการภายในไตรมาส 4/62 และนำรายการ "โหนกระแส"และ "ข่าวนอกลู่" ที่ย้ายมาจากช่อง 28 มารวมไว้ในช่อง 33 ด้วย ถือเป็นเฟสแรกที่ดำเนินการ
สำหรับการปรับปรุงรายการข่าวจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค.62 โดยปรับรูปแบบ 3 รายการแรกก่อน ได้แก่ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เรื่องเด่นเย็นนี้ และ ข่าว 3 มิติ ซึ่งมีเรตติ้งดี เชื่อว่าจะผลักดันให้รายการข่าวของช่อง 3 เป็นผู้นำในทุกช่วงเวลา โดยเป็นที่ 1 ทั้งการนำเสนอผ่านจอทีวีและออนไลน์ ขณะที่เพจช่อง 3 บน Facebook มีผู้ติดตามกว่า 14 ล้านคนแล้ว ทั้งนี้ จะทยอยปรับปรุงรายการข่าวทุกรายการภายในไตรมาส 4/62
"Positioning เรามีความชัดเจน ตามแนวคิดของช่อง 3 โฉมใหม่ "ข่าวจริง ทันเหตุการณ์ พึ่งพาได้" เรามองว่าคนดูใกล้ชิดความเป็นช่อง 3 และตอบสนองกับผู้ชมด้วย กลยุทธ์เราจะเน้นข่าวอาญชากรรม ข่าวสังคม และข่าวบันเทิง เราเชื่อว่าผู้ชมช่อง 3 ติดตามข่าวที่ใกล้กับชีวิตประจำวัน เราปรับปรุงรายการข่าวเพื่อจุดประสงค์ต้องการเป็นอันดับ 1 ทุกรายการทั้งทีวีและออนไลน์" นายอริยะ กล่าว
จุดแข็งสำคัญของข่าวช่อง 3 คือ มีผู้ประกาศถึง 50 คน เป็นที่รู้จักคุ้นหน้าคุ้นตา และมีความน่าเชื่อถือ และทุกรายการข่าวจะเน้นเนื้อหาสำคัญ เพิ่มความเข้มข้นให้ช่อง 3 ในภาพรวม รวมทั้งมีการปรับโฉมสตูดิโอใหม่ให้ทันสมัย ที่จะมีการใช้กราฟฟิคประกอบการรายงานข่าวอธิบายข่าวได้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้รายการข่าวโดดเด่น
นอกจากนี้ จะมีทนายสงกรานต์ จากรายการครอบครัวข่าว 3 เริ่มช่วงพิเศษใหม่โดยร่วมกับเพื่อทนายมาให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาและต้องการคำปรึกษาด้านกฎหมายโดยจะจัดเวลาพบปะประชาชนเป็นประจำเพื่อให้ความช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ช่อง 3 เป็นสถานีข่าวที่พึ่งพาได้ของประชาชน
นายอริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเม็ดเงินโฆษณาในรายการข่าวปรับลดลงมามีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของรายได้ จากเดิมมีสัดส่วนมากกว่า 10% อย่างไรก็ดีการปรับโฉมข่าวจะทำให้เรตติ้งที่คาดหวังจะเพิ่มขึ้น 1.5-2 โดยจะประเมินใน 6 เดือนข้างหน้า โดยเวลาออกข่าวคิดเป็น 20% ของรายการทั้งหมด และเห็นว่าไม่ต้องเพิ่มเวลาแต่เน้นจุดเด่นของรายการให้ชัดเจน เนื้อหาและผู้ประกาศข่าว
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมโทรทัศน์ยังไม่ค่อยฟื้นตัวแม้ว่าจะลดจำนวนช่องทีวีดิจิทัลไป เหลือ 15 ช่องแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยน ดูเหมือนการแข่งขันกลับจะยิ่งมากขึ้น เพราะวันนี้ตัดสินใจอยู่ต่ออีก 10 ปี ทุกคนจึงแข่งขัน และรายการข่าวเป็นรายการแรกๆที่หลายช่องหันมาเน้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี และยังมีภาวะน้ำท่วมในหลายจังหวัดอีกด้วย
นายอริยะ กล่าวว่า บริษัทจะปรับโฉมรายการวาไรตี้ และละครเป็นเฟส 2 ในช่วงต้นปี 63 ซึ่งรายได้ของบริษัทกระจุกตัวในส่วนนี้มากราว 80% ขณะเดียวกันในปี 63 จะเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่มากขึ้น ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะทำรายได้ 10% ของรายได้รวม อาทิ ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจ IP กับศิลปิน ธุรกิจต่างประเทศซึ่งเป็นการนำละครขายในต่างประเทศ
ส่วนข่าวทางออนไลน์ ได้แก่ช่องทาง Facebook , Youtube , Twitter , เว็บไซด์ CH 3 ในปีนี้ยังไม่เน้นมากที่จะมีเม็ดเงินโฆษณาเข้ามา โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่ารายการทีวี อาจจะเน้นเรื่องการจดจำข่าวช่อง 3