โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) จากแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/62 จะพลิกมามีกำไรสุทธิจากขาดทุนสุทธิ 7.23 ล้านบาทในไตรมาส 2/62 และกำไรจะเติบโตต่อเนื่องจนถึงช่วงไตรมาส 1/63 รับปัจจัยฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงการเปิดโรงแรมใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะโรงแรมราคาประหยัด HOP INN ตลอดจนการปรับปรุงโรงแรม JW Marriot แล้วเสร็จหลังจากปิดมาตั้งแต่ปี 60 พร้อมรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นก็จะช่วยเพิ่มรายได้เข้ามามากขึ้น
นอกจากนี้ ERW ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการ"ชิม ช้อป ใช้"เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงในสัปดาห์หน้าคาดว่า ครม.เศรษฐกิจจะอนุมติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดประจำชาติของจีน (Golden Week) น่าจะช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทย ท่ามกลางตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ ERW กำลังกลับมาฟื้นตัวหลังจากเกิดเรือล่มที่จ.ภูเก็ตเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
พักเที่ยงราคาหุ้น ERW อยู่ที่ 5.85 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.18%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 7.70 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 7.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 6.20 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 7.40 ธนชาต ซื้อ 8.50 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 7.30 เอเซีย พลัส ซื้อ 7.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 7.10
นางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ ERW ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/62 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 7.23 ล้านบาท เพราะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายบริหารงานที่สูง และการสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานใหม่ ขณะที่อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ลดลงจากภาพรวมนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยเติบโตเพียง 1% แต่คาดว่าผลการดำเนินงานจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/62 และขยายตัวต่อเนื่องจนถึงไตรมาสแรกปี 63 จากปัจจัยฤดูกาลท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากการเปิดโรงแรมใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเปิดโรงแรม HOP INN จำนวน 573 ห้อง รวมถึงโรงแรมใหญ่อย่าง Mecure และ IBIS จำนวน 501 ห้อง ในเดือน ธ.ค.62 ซึ่งจะผลักดันให้สามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปี 63 ตลอดจนการกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้งของโรงแรม JW Marriot ครบทั้ง 441 ห้องในไตรมาส 4/62
ขณะที่ยังคาดหวังการกลับมาท่องเที่ยวของต่างชาติที่จะเติบโต 4-5% ในปีหน้าก็จะช่วยหนุนผลการดำเนินงาน ทำให้คาดกำไรปกติของ ERW ในปี 63 เติบโต 20% ที่ระดับ 501 ล้านบาท
ขณะที่มาตรการ"ชิม ช้อป ใช้"ของรัฐบาลที่ให้เงินอุดหนุนท่องเที่ยวต่างจังหวัดคนละ 1,000 บาท ระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย. 62 เพื่อนำไปใช้จ่ายในร้านค้าหรือโรงแรมที่ได้ลงทะเบียนกับรัฐไว้ และได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้วยการที่สามารถใช้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้มากขึ้นก็จะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ ERW ด้วย
"การเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้"เพื่อให้เห็นผลในทางปฎิบัติชัดเจนมากยิ่งขึ้น น่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวอย่าง ERW"นางสาวนวลพรรณ กล่าว
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ ERW ในครึ่งหลังปีนี้จะกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก จากการเข้าสู่ไฮซีซั่นในช่วงไตรมาส 4/62 ประกอบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัว และผลบวกจากมาตราการส่งเสริมการท่องเที่ยวภาครัฐ นอกจากนี้แผนปรับปรุง JW Marriott จำนวน 133 ห้อง เป็นเฟสสุดท้ายในไตรมาส 3/62 ก็คาดเปิดให้บริการในไตรมาส 4/62 โดยมีจำนวนห้องรวม 441 ห้อง คิดเป็นราว 30% ของจำนวนห้องใน Mid-scale hotel
ประกอบกับจะเริ่มรับผลบวกของการเปิดโรงแรมใหม่ในปีนี้ จากแผนเปิดเพิ่ม 9 แห่งในปี 62 ได้แก่ Mercure, IBIS สุขุมวิท 24 จะเปิดและรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/62 และการเปิด HOP INN ในไทย 7 แห่ง โดยได้เปิดไปแล้ว 4 แห่งก่อนหน้านี้ ก็เชื่อว่าจะเริ่มมีอัตราการเข้าพักที่ดีขึ้นในครึ่งหลังปีนี้
ขณะที่กำไรปกติในปี 63 มีแนวโน้มเติบโต 11% จากปีนี้ ตามการเติบโตของธุรกิจโรงแรมหลังเสร็จสิ้นแผนปรับปรุงห้องพักในปี 62 พร้อมรับรู้รายได้เต็มปี 63
ส่วนในระยะสั้น ERW ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ที่จะได้รับปัจจัยหนุนจากอานิสงส์ของมาตรการ"ชิม ช้อป ใช้" และคาดว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจอาจอนุมัติมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์หน้า ตลอดจนสัปดาห์นี้จะเข้าสู่ Golden Week ของจีน ก็จะช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเพิ่มขึ้นด้วย
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า การท่องเที่ยวไทยมีสัญญาณดี จากภาพการฟื้นตัวในเดือน ส.ค.62 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวน 3.47 ล้านคน ขยายตัว 7.4% โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนขยายตัวในอัตราเร่งถึง 18.9% เช่นเดียวกันกับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่ขยายตัวถึง 32.4% อีกทั้งสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกง จะทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง รวมถึงช่วง Golden Week ของจีนในปีนี้ก็เชื่อว่าจะเดินทางมายังไทยมากเป็นพิเศษ ทำให้เป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงแรมอย่าง ERW
"กำลังย่างเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวดีที่สุดในไตรมาส 4/62 และไตรมาส 1/63 ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีการฟื้นตัวดีมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และสิงหาคม ทำให้คาดว่าช่วงเดือนที่เหลือมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง"ดีบีเอสฯ ระบุ
ดีบีเอสฯ ระบุอีกว่า ผลการดำเนินงานของ ERW น่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2/62 และจะเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากการเริ่มเปิดโรงแรมใหม่ในครึ่งหลังของปีนี้ 9 แห่ง แบ่งเป็น HOP INN จำนวน 7 แห่ง Mercure ที่กรุงเทพฯ 1 แห่ง และ IBIS ที่กรุงเทพฯ 1 แห่ง ขณะที่ไม่มีการเปิดโรงแรมใหม่เลยในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนโรงแรมเพิ่มเป็น 70 แห่ง และมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 9,559 ห้อง
นอกจากนี้ การปรับปรุงโรงแรม JW Marriot แล้วเสร็จหลังจากปิดปรับปรุงไปถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี 60 ก็จะเปิดบริการห้องพักได้ทั้งหมดในเดือน ต.ค.62 ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลที่ดีที่สุดของการท่องเที่ยว ก็คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม กำไรหลักของปี 62 จะเติบโตเพียง 5% จากปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าไม่สูงมากเนื่องจากผลการดำเนินงานอ่อนแอในช่วงครึ่งปีแรก แต่คาดว่าทั้งปี 63 กำไรจะเติบโตมากถึง 24% จากการรับรู้รายได้โรงแรมที่เปิดดำเนินการและการกลับมาเปิดให้บริการของโรงแรม JW Marriot อย่างเต็มที่