หุ้น SSP ราคาขยับขึ้น 3.90% มาอยู่ที่ 8.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 49.59 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.45 น. โดยเปิดตลาดที่ 7.95 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 8.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.90 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) คาดกำไรปกติในปี 2563 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 877 ล้านบาท เติบโต 35.4% YoY จากการจำหน่ายเชิงพาณิชย์เต็มปีของโครงการในเวียดนามและมองโกเลีย รวม 55 MW และคาดกำไรทำระดับสูงสุดใหม่ได้ถึงปี 2565 และปัจจุบัน ซื้อขาย PER 2562-2563 ที่ 11.0x และ 8.1x ตามลำดับ ต่ำกว่ากลุ่มที่ราว 15x อีกทั้งราคาปิดวันที่ 27 ก.ย. ที่ 7.70 บาท กลับมาเท่ากับราคา IPO แต่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเมื่อ IPO แล้วถึง 3 เท่าตัว จึงเป็นโอกาสในการซื้อ
กำไรปกติในครึ่งแรกปีนี้ อยู่ที่ 287 ล้านบาท เติบโตถึง +11% YoY ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ 72% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 44% ของกำไรปกติที่ประมาณการณ์ทั้งปีที่ 648 ล้านบาท (+38.8% YoY) แตะระดับสูงสุดใหม่ และคาด EBITDA ทะลุ 1,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในไตรมาส 3/62 แม้จะเป็น Low season ของแดดตามผลของฤดูกาล แต่มีการรับรู้ผลประกอบการเต็มไตรมาสของโครงการ Binh Nguyen ในเวียดนาม ขนาด 40 MW (ถือ 80%) และโครงการ Khunsight Kundi ในมองโกเลีย ขนาด 15 MW (ถือ 75%) ทำให้กำไรปกติไตรมาส 3/62 อาจไม่ลดลง QoQ และโตสูง YoY ประมาณการกำไรปี 2563 ที่ 877 ล้านบาท อีกทั้งยังไม่รวมโครงการใหม่ ๆ ที่จะทยอยประกาศเพิ่มเติมอีกช่วงที่เหลือของปีนี้ ที่ราคา 7.70 บาทเท่ากับราคา IPO แต่มีกำลังการผลิตที่ COD แล้วมากกว่า ณ วัน IPO ถึง 3.2 เท่า
ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2563 เพียง 8.1 เท่า Laggard กลุ่มค่อนข้างมาก จึงเป็นโอกาสในการลงทุน โดยประเมินมูลค่า SSP ด้วยวิธี DCF ที่ WACC 4.1% ด้วย Terminal growth 0% ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2563 ของ SSP ที่ 11.60
SSP ปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ COD แล้วทั้งหมด 128 MW (112MWe) ทั้งในและต่างประเทศ และคาดจะ COD อีก 60 MW เป็น 188 MW ภายในปี 2565 ถือว่ามีกำลังการผลิตที่ COD แล้วเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัวภายในระยะเวลา 5 ปี บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิต 400 MW ภายในปี 2567 ล่าสุด SSP ได้ลงนามในสัญญาบริษัทร่วมกับ TTVN เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 48 MW โดย SSP ที่ถือสัดส่วน 80% ในประเทศเวียดนาม ด้วยทุนจดทะเบียนราว 528 ล้านบาท โดยคาดยังไม่รวมโครงการดังกล่าวไว้ในประมาณการ เบื้องต้นคาดมีส่วนเพิ่มจากราคาเป้าหมายอีก 1.50 – 2.50 บาท