นางสาวชมภูนุช ปฐมพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.1 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่สินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน โดยต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 6-8% ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) และการชำระคืนของลูกค้า
สำหรับช่วงครึ่งแรกปีนี้สินเชื่อของธนาคารขยายตัวเพียง 0.3% แม้สินเชื่อรายใหญ่จะยังเติบโต แต่สินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายย่อยหดตัว อย่างไรก็ตาม มองว่าความต้องการใช้สินเชื่อช่วงไตรมาส 4/62 จะกลับมาฟื้นตัวช่วยประคองให้สินเชื่อทั้งปี 62 อยู่ในระดับทรงตัวจากปีก่อนได้ และไม่ติดลบอย่างแน่นอน โดยพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคาร แบ่งเป็น สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 50% สินเชื่อรายย่อย 30% และสินเชื่อเอสเอ็มอี 20%
ส่วนในปี 63 ธนาคารจะปรับโครงสร้างการดำเนินงานใหม่ และปรับแผนในเรื่องสินเชื่อที่จะกลับมารุกสินเชื่อที่อยู่อาศัยอีกครั้ง หลังชะลอปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นสัญญาณของการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเน้นไปที่การปล่อยสินเชื่อในกลุ่มบ้านระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป เพราะกำลังซื้อในกลุ่มดังกล่าวยังมีอยู่ ซึ่งธนาคารคาดว่าในปี 63 จะปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ราว 8 พันล้านบาท
ด้านรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยธนาคารยังสามารถทำได้เป็นอย่างดี จากธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และการเป็นนายหน้าซื้อขายประกันผ่านสาขาของธนาคาร ซึ่งสามารถช่วยเข้ามาทดแทนรายได้จากดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงจากการที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดใหญ่เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ต่ำ ขณะที่การตั้งสำรองในปี 63 จะเป็นไปตามเกณฑ์ IFRS9 โดยที่ในไตรมาส 3/62 และไตรมาส 4/62 บริษัทได้ทยอยตั้งสำรองให้เป็นไปตาม IFRS9 แล้ว ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในสิ้นปีนี้จะควบคุมให้ไม่เกิน 2% จากสิ้นไตรมาส 2/61 ที่ 1.85%และ
นอกจากนี้ ความร่วมมือกับพันธมิตรไต้หวัน CTBC Bank ในการเตรียมพัฒนา Digital Banking ของธนาคารใหม่ ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 63 หลังจากที่ธนาคารได้ร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาและเปิดบริการ Trade Finance Wealth Management ซึ่งจะมีการนำบริการต่าง ๆ และบริการใหม่ ๆ ในอนาคตเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าแบบครบถ้วน พร้อมกับการปรับรูปแบบสาขาให้มีความทันสมัยมากขึ้น ที่จะมีรูปแบบแตกต่างไปจากสาขาของบริษัทในปัจจุบัน