บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ที่ระดับ “A+" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+" เช่นเดียวกัน ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" อันดับเครดิตหุ้นกู้ดังกล่าวใช้แทนอันดับเครดิตที่ทริสเรทติ้งได้จัดให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของบริษัทเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เนื่องจากบริษัทได้เพิ่มวงเงินการออกหุ้นกู้ โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ชำระหนี้ที่มีอยู่และใช้ในการขยายธุรกิจโดยเฉพาะในส่วนของการผลิตขวดแก้ว
อันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ในกลุ่มธุรกิจหลักซึ่งมีตราสินค้าเป็นที่ยอมรับ ความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตจากการประหยัดจากขนาดในการผลิตขวดแก้วและกระดาษชำระ ตลอดจนความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะธุรกิจที่หลากหลายของบริษัทและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทกับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้า อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และกฎหมายที่กระทบกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอาจส่งผลต่อยอดขายขวดแก้วของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์จะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาด รวมทั้งจากการมีนวัตกรรมของสินค้า และความสามารถในการรักษาลูกค้ารายสำคัญในธุรกิจขวดแก้ว คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดี นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาอัตรากำไรในระยะปานกลางเอาไว้และขยายธุรกิจด้วยความระมัดระวัง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 100 ปี โดยในช่วงแรกให้บริการทางด้านธุรกิจการค้า ในช่วงปี 2544-2546 บริษัทมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ และ บริษัท ทีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนภายใต้การบริหารงานของกลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดีได้กลายมาเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ สิ้นปี 2550 บริษัทมียอดขาย 19,162 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 9% จากปี 2549 โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ โดยคิดเป็น 42% ของยอดขาย ตามด้วยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ 32% และผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิคและอุตสาหกรรม 26% จุดแข็งประการหนึ่งของบริษัทอยู่ที่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตขวดแก้วมานานหลายทศวรรษ โดยบริษัทจัดอยู่ใน 2 อันดับแรกของผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศซึ่งทำให้ได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด บริษัทมีฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์ขวดแก้วที่แข็งแกร่งโดยประมาณ 40% ของยอดขายขวดแก้วทั้งหมดของบริษัทขายให้แก่กลุ่มบริษัททีซีซี ส่วนที่เหลือขายให้แก่กลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่มบำรุงกำลัง และน้ำอัดลม
ทั้งนี้ ลูกค้ารายสำคัญส่วนใหญ่ทำธุรกิจร่วมกับบริษัทมานานกว่า 10 ปี สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทยังมาจากการมีตราสินค้าที่มีชื่อเสียงในผลิตภัณฑ์กระดาษชำระและขนมขบเคี้ยวต่างๆ เช่น กระดาษชำระเซลล็อกซ์ และมันฝรั่งทอดกรอบเทสโต โดยที่บริษัทเป็นผู้ผลิตกระดาษชำระรายใหญ่อันดับต้นๆ ของไทย และเป็นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ส่วนผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิคและอุตสาหกรรมนั้น บริษัทมีความได้เปรียบจากการมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าเป็นสำคัญ
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสดในระดับที่คงที่มาโดยตลอด การขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วในผลิตภัณฑ์ขวดแก้วและกระดาษชำระในช่วงปี 2547-2548 ทำให้บริษัทมีภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทในระหว่าง 58%-70% ถือว่าอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับ 13%-14%
อัตราส่วนกำไรดังกล่าวถูกกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงและราคาของวัตถุดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 27%-34% แต่อัตราส่วนนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลางหลังจากการออกหุ้นกู้ ในการจัดอันดับเครดิต ทริสเรทติ้งได้นำประเด็นนโยบายการขยายธุรกิจของบริษัทมาประกอบการพิจารณาด้วย และคาดว่าฐานะทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นตามระยะเวลาเมื่อผลประโยชน์จากการควบรวม โดยเฉพาะในส่วนของรายได้และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มีความชัดเจน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--