BCP ตั้งเป้าปี 51 รักษากำไรสุทธิใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.7 พันลบ.

          นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทยังตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิปี 51 ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.7 พันล้านบาท
          ขณะที่ EBITDA รายได้ก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมในส่วนของการกลั่นปีนี้คาดเติบโต 10-15% จากปี 50 ที่มี EBITDA 2.2-2.3 พันล้านบาท 
          แม้ว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปี 51 บริษัทมีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.-มี.ค.51 ทำให้บริษัทมีกำลังการกลั่นปรับลดลงในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/51 แต่การที่ในช่วงนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น บริษัทจึงมีกำไรจากการสต็อกน้ำมันเข้ามาชดเชย โดยบริษัทคาดหวังว่าจะมีกำไรจากการสต็อกน้ำมันล่วงหน้าอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรจากการสต็อกน้ำมันล่วงหน้าเฉลี่ยทั้งปีเกือบ 2 เหรียญต่อบาร์เรล และปีนี้จากทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
          แต่การปิดซ่อมใหญ่ครั้งนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมระบบโรงกลั่นเดิมให้สอดคล้องกับโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (PQI) ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จต.ค.51 และจะเริ่มทดลองผลิต ซึ่งเชื่อว่าผลผลิตบางส่วนจะสร้างรายได้ให้บริษัทในช่วงไตรมาส 4/51 
          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปี 51 โครงการ PQI ยังไม่เสร็จ แต่บริษัทสามารถหาลูกค้าจากประเทศจีนเพื่อซื้อน้ำมันเตาที่บริษัทสามารถผลิตได้ในปริมาณสูงเพิ่มขึ้น 10-20% จากเดิมที่ส่งออกเดือนละ 100 ล้านลิตร เพิ่มเป็น 110-120 ล้านลิตร ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีและเนื่องจากราคาขายก็ดีขึ้น 
          "จากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ทรงต่อเนื่องไปอีก 3-4 เดือนข้างหน้า จากปัญหาประเทศเวเนซุเอล่า และปัญหาของบริษัทน้ำมันเอ็กซอน โมบิล และการที่โอเปกจะมีการะประชุมเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันเร็วๆนี้ น่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันยังสูง ส่วนที่มองว่าจะมีกำลังผลิตใหม่จากอินเดียในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง มองว่ายังเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและบริษัทป้องกันความเสี่ยงโดยการทำ Hedging อยู่แล้ว"นายปฏิภาณ กล่าว
          ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการ BCP คาดว่า ในเร็วๆ นี้มีแนวโน้มที่จะปรับราคาขายปลีกน้ำมันขึ้น เนื่องจากปัจจุบันค่าการตลาดน้ำมันดีเซลติดลบอยู่ 30 สตางค์ และค่าการตลาดเบนซิน อยู่ที่ 30 สตางค์ ถือว่าต่ำมาก ซึ่งผู้จำหน่ายน้ำมันจึงจำเป็นต้องปรับราคาเพิ่ม แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์วันนี้ด้วย
          สำหรับโครงการผลิตไบโอดีเซล คาดว่าจะจัดตั้งบริษัทและเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาในเดือน มี.ค.นี้และคาดว่าจะใช้เวลา 15 เดือนในการก่อสร้าง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเร่งรัดผู้รับเหมาให้การก่อสร้างเสร็จเร็วกว่า 15 เดือน