นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (7-11 ต.ค.) ยังผันผวนในกรอบ 1,580-1,640 จุด โดยประเด็นสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจ คือเรื่องการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน ในวันที่ 10-11 ต.ค. เพราะจะมีผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจโลกว่าจะเกิดภาวะถดถอยหรือไม่ แม้โอกาสที่การเจรจาจะจบลงในเชิงบวกมีสูงก็ตาม แต่จะเห็นได้ว่าช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณซื้อขายชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งมาจากรอดูผลการเจรจาดังกล่าว ซึ่งจะทราบผลคือปลายสัปดาห์นี้ ทำให้ตลาดน่าจะมีความผันผวนตามข่าวในแต่ละวัน
ส่วนภาพรวมของตลาดมีความต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาลบจะทำให้โอกาสที่รัฐบาลหรือธนาคารกลางของ สหรัฐฯ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น อาจพิจารณาเพิ่มแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ หากเกิดขึ้นจริงจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นได้ ส่วนปัจจัยในประเทศ ตลาดได้แรงกระตุ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้เงินบาทยังถูกเป็นที่พักเงินต่อไป ขณะที่การขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเกิดใหม่ช่วงนี้ก็มาจากการลดความเสี่ยงก่อนการเจรจาการค้า
สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 10 ต.ค. และ รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย รวมทั้งการเตรียมรายงานผลกำไรไตรมาส 3 ของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินของไทย
ส่วนกลยุทธ์ลงทุนนั้น KTBST ยังแนะนำให้ติดตามและรอดูผลการเจรจาการค้าก่อนตัดสินใจเพิ่มหรือลดพอร์ตลงทุน โดยผลการเจรจาที่ออกมาคาดว่าจะไปมีผลต่อตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า KTBST จึงแนะนำถือเงินสด 50% เพราะนอกจากปัจจัยการเจรจาการค้าแล้ว ยังไม่มีปัจจัยอื่นที่จะทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปได้มากนัก โดยแนวรับสำคัญจะอยู่ระดับ 1,580- 1,600 จุด
หุ้นแนะนำยังเป็นหุ้นที่ราคาไม่ขึ้นไปสูงมากและหลีกเลี่ยงหุ้นที่เคยได้ประโยชน์จากสงครามการค้า เช่น โรงไฟฟ้า หุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ คือหุ้นที่มีพื้นฐานดีเช่น AOT และ ADVANC รวมไปถึงหุ้นที่ถูกคาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 3 จะออกมาดี เช่น MTC , AMATA รวมไปถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีต่อเนื่อง เช่น VGI และ JMT